กองทุนรวม คืออะไร? ข้อได้เปรียบสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม คืออะไร?

    ยกตัวอย่างง่ายๆกันก่อน สมมุติว่าคุณอยากลงทุนมากแต่ไม่มีความรู้มากพอ คุณเลยเอาเงินไปให้เพื่อนคนหนึ่งที่เก่งเรื่องนี้ช่วยลงทุนให้แทนโดยคุณต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้เพื่อนคนนี้คิดจากเงินต้นของคุณ เช่น ให้เงินเขา 100 บาท ไปลงทุนเขาจะคิดคุณ 1.5 บาท ส่วนคุณก็จะได้กำไรจากการลงทุนนั้นไป

    กองทุนรวม คืออะไร

    กองทุนรวม คืออะไร แหล่งรวมเงินทุนของนักลงทุนรายย่อยและรายใหญ่จำนวนมากมารวมตัวกันโดยผ่านการระดมทุนจากบลจ.(บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม) บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้นไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวนเช่น บริษัทระบุว่ากองทุนเป็นกองทุนสำหรับการลงทุนใน หุ้นประเภทอิเล็กโทรนิค ทางบริษัทก็จะนำเงินไปลงทุนในหุ้นบริษัทที่เป็นบริษัททางด้านอิเล็กโทรนิคเป็นต้น และยังมีกองทุนอีกมากมายที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่แตกต่างกันไปอาจจะเป็น ทอง ตราสารหนี้ ฯลฯ  แต่ในช่วงนี้ส่วนใหญ่กองทุนต่างประเทศที่ฮิตก็จะเป็นกองทุนที่ลงทุนในจีนและเวียดนามกันเป็นส่วนมากครับ

    กองทุนรวมเป็นเครื่องมือสำหรับการลงทุนที่ดีสำหรับนักลงทุนรายย่อยที่ต้องการลงทุนแต่ไม่มีเวลาหรือประสบการณ์มากพอซึ่งแต่ละกองทุนจะมีความเสี่ยงและผลตอบแทนแตกต่างกันไป ยิ่งมีความเสี่ยงมากก็จะยิ่งมีผลตอบแทนสูงขึ้นไปด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วความเสี่ยงจะมีไม่มากเพราะว่ามีผู้จัดการกองทุนและมีทีมวิเคราะห์ในการลงทุนอยู่ทำให้กองทุนรวมมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลและลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ผลตอบแทนที่ได้รับ ผลตอบแทนที่เราได้จากกองทุนรวมก็จะเป็นเงินปันผลต่อหน่วยลงทุนและมูลค่าของหน่วยลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น คุณซื้อหน่วยลงทุนมา 10 บาท ผ่านไป 3 ปีมูลค่าหน่วยลงทุนเปลี่ยนเป็น 15 บาท ทำให้คุณมีกำไรจากส่วนต่างหน่วยละ 5 บาท

    ข้อได้เปรียบสำหรับการลงทุนในกองทุนรวม คืออะไร

    มีอำนาจในการต่อรองสูงกว่า สามารถเข้าถึงข้อมูลภายในบริษัทจดทะเบียนได้ง่ายเพราะว่าผู้ดูแลกองทุนเป็นผู้ถือเงินทุนทำให้มักจะได้สิทธิในการเข้าถึงสินทรัพย์ได้มากกว่าเสมอ เช่น หุ้น IPO หรือ หุ้นเพิ่มทุน เป็นต้น

    สิทธิประโยชน์ทางภาษี  เงินปันผลที่ได้จากหน่วยลงทุนของกองทุนรวมนั้นจะไม่ถูกนำไปคำนวณในภาษีเงินได้พูดง่ายๆก็คือเราไม่ต้องจ่ายภาษีจากเงินที่ได้รับในส่วนนั้นและกองทุนบางชนิดก็สามารถนำเงินที่ลงทุนไปลดย่อนภาษีได้อีกด้วย

    มีกลไกป้องกันให้นักลงทุน มีผู้ตรวจสอบบัญชีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริต เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดให้กับนักลงทุนบางกองทุนจะมีการประกันเงินต้นและผลตอบแทนให้กับนักลงทุนด้วย

    ข้อเสียของการลงทุนในกองทุนรวม คืออะไร

    มีความคล่องตัวน้อย เนื่องจากนักลงทุนไม่สามารถจัดสรรการลงทุนเองได้

    การซื้อขายของกองทุนรวมมีผลกับตลาดสูง เนื่องจากถือเม็ดเงินจำนวนมากในการที่ซื้อขายหน่วยลงทุนอาจจะทำให้ราคาสินทรัพย์เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ง่าย

    ผลตอบแทนอาจจะน้อยกว่าการลงทุนในบางอย่าง แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงน้อยลง

    ยังมีความเสี่ยงอยู่ จริงอยู่ที่กองทุนรวมมีความเสี่ยงที่ต่ำเมื่อเทียบกับผลตอบแทนแต่ทั้งหมดนี่ไม่สามารถทำให้นักลงทุนไม่มีโอกาสขาดทุนได้ 100%  เช่น ถ้าเราเลือกลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ธุรกิจอสังหากำลังจะเป็นขาลงเราอาจจะมีโอกาสขาดทุน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเราและความสามารถในการจัดการของผู้จัดการกองทุนด้วย พูดง่ายๆก็คือเราต้องรู้จักความเสี่ยงว่าสิ่งที่เราลงทุนนั้นมีความเสี่ยงแค่ไหน

    ประเภทกองทุนรวมคืออะไร แบ่งตามความเสี่ยง ตามระดับ ได้อย่างไร

    ระดับหนึ่ง: กองทุนรวมตลาดเงินในประเทศ  เป็นกองทุนที่ปล่อยกู้ในระยะสั้น(1 ปี)ให้กับสถาบันในประเทศที่มีความมั่นคงสูงจึงทำให้มีความเสี่ยงที่ต่ำมากแต่ผลตอบแทนก็จะน้อยไปด้วยเช่นกันเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสมำเสมอโดยกองทุนประเภทนี้จะปล่อยกู้ให้กับ รัฐบาล ธนาคารขนาดใหญ่ เป็นต้น

    ระดับสอง: กองทุนรวมตลาดเงินในต่างประเทศ เหมือนกับกองทุนรวมในประเทศแต่จะมีความเสี่ยงอยู่ที่ค่าเงินที่ผันผวนของประเทศต่างๆรวมถึงของเราด้วย

    ระดับสาม: กองทุนรวมพันธบัตรรัฐบาล ตามชื่อเลยครับลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือก็คือให้รัฐบาลกู้ยืมใน ระยะยาว(มากกว่า1ปี) จะมีผลตอบแทนที่สูงขึ้นแต่ก็จะเจอกับความผันผวนของงราคาพันธบัตรได้เช่นกัน

    ระดับสี่: กองทุนรวมตราสารหนี้ ลงทุนในหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน จะมีความเสี่ยงแตกต่างกันไปค่อนข้างมากเพราะว่าแต่ละบริษัทจะมีความมั่นคงที่แตกต่างกันไป ความเสี่ยงพวกนี้จะถูกแบ่งเป็นเรทติ้ง(credit rating)ตั้งแต่ AAA AA+ AA AA- BBB ไปเรื่อยๆ ไปจนถึง D เพียงแต่ว่าระดับ D จะมีแค่ D ตัวเดียวเลย  ยิ่งเรทติ้งต่ำแค่ไหนผลตอบแทนยิ่งสูงขึ้นเท่านั้นแต่ความเสี่ยงที่เราจะเสียเงินหรือขาดทุนก็จะมีสูงตามไปด้วย (เรทติ้งนี้ใช้ในการวัดระดับความเสี่ยงของตราสารหนี้รวมถึงตราสารหนี้ของรัฐบาลด้วยแต่ของรัฐจะอยู่ในระดับ AAA ก็คือ risk free นั่นเองครับ)

    ระดับห้า: กองทุนรวมผสม ลงทุนในตราสารหนี้และตราสารทุน (ตราสารทุนคือหุ้น) ก็จะมีการลงทุนในหุ้นกับตราสารฯแตกต่างกันไปแล้วแต่กองทุน

    ระดับหก: กองทุนรวมตราสารทุน ลงทุนในหุ้นต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศอาจจะเจอความผันผวนในตลาดหุ้นและตลาดเงินได้พร้อมๆกันจึงมีความเสี่ยงระดับหนึ่ง

    ระดับเจ็ด: กองทุนรวมตามหมวดอุตสาหกรรม ลงทุนในหุ้นแต่ว่ามีการลงทุนในหมวดอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันเหมือนที่ได้บอกไว้ตอนช่วงแรก เช่นกองทุนที่เน้นการลงทุนในหุ้นอิเล็กโทรนิค ความเสี่ยงก็จะขึ้นอยู่กับอุตสาหกรรมว่ากำลังอยู่ในช่วงไหน

    ระดับแปด: มีความเสี่ยงสูงที่สุด คือกองทุนรวมทางเลือก คือจะลงทุนในสินค้าประเภทที่ไม่ใช่ตราสารจะเป็นอาจจะสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำ, น้ำมัน, เนื้อสัตว์, ธัญพืช หรืออสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ในการลงทุนในสินค้าพวกนี้จำเป็นจะต้องมีความเข้าใจเป็นพิเศษแต่ในทางกลับกันก็จะมีผลตอบแทนที่สูงกว่า กองทุนประเภทอื่นด้วย

    ดูจากตรงนี้แล้วให้พิจารณาว่าคุณสามารถรับความเสี่ยงได้ระดับไหนแล้วเริ่มลงทุนได้เลยครับ

    *หมายเหตุ:ไม่ว่าจะลงทุนในสินทรัพย์ไหนผมแนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับสินทรัพย์นั้นก่อนสักหน่อยก็จะเป็นการการันตีความสำเร็จได้นะครับเพราะถึงแม้ว่ากองทุนจะมีผู้จัดการกองทุนที่มีความสามารถอยู่แล้วแต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีความเสี่ยงเลย (risk free) เราควรศึกษาหาความรู้ไปในตัวด้วยนะครับ*

    ประเภทของกองทุนรวมตามการขายคืนหน่วยลงทุน

    โดยกองทุนรวมมี 2 ประเภทคืออะไร กองทุนปิดและกองทุนเปิด

    กองทุนปิด คือกองทุนที่มีการระดมทุนแค่ครั้งเดียว,อายุโครงการตายตัวและมีหน่วยลงทุนตายตัวไม่เพิ่มและไม่ลด เป็นต้น อาจจะมีการจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับนักลงทุนที่จำเป็นต้องใช้เงิน ในกองทุนประเภทนี้บริษัทจะไม่รับการซื้อคืนจนกว่าจะครบกำหนดขอเวลา กองทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในระยะยาวครับ

    กองทุนเปิด คือระดมทุนได้หลายครั้ง,ไม่มีกำหนดหมดอายุโครงการและหน่วยลงทุนสามารถเพิ่มหรือลดก็ได้ กองทุนประเภทนี้บริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนเพิ่มเติมได้ตามเวลาตามที่บริษัทกำหนดให้

    แนะนำกองทุนรวม

    กองทุนรวมที่ผมอยากจะแนะนำนี้มีทั้งเงินปันผลและสิทธิประโยชน์ทางภาษี นั่นก็คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long term Equity Fund หรือ LTF)

    กองทุน LTF ดีอย่างไร ? หากคุณมีงานประจำอยู่แล้วแล้วคุณมีเงินเก็บส่วนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้อะไรมากหรืออยากลงทุนให้กับอนาคตของคุณ กองทุนนี้ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากเงินปันผลที่ได้รับโดยไม่ต้องเสียภาษีแล้ว คุณยังสามารถนำเงินต้นที่ลงทุนไปหักลดภาษีได้ถึง 15% แต่ไม่เกิน 500,000  บาทต่อปี

    *ความเสี่ยงของกองทุนนี้จะอยู่ในระดับ 5 ไม่มากและไม่น้อยครับ และเป็นกองทุนเปิด*

    +แต่มีข้อแม้ว่าคุณจะต้องถือหน่วยลงทุนตั้งแต่ 5 ปีขึ้นไป+ เนื่องจากจุดประสงค์ของกองทุนนี้คือมีเพื่อที่จะส่งเสริมการลงทุนในระยะยาวครับ คุณยังสามารถขายได้หน่วยลงทุนของคุณเมื่อไหร่ก็ได้นะครับเพราะกองทุนนี้เป็นกองทุนเปิดแต่คุณจะเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีและจะต้องนำเงินกำไรที่ได้จากการขายหน่วยลงทุน 3% มาจ่ายให้รัฐด้วย รวมไปถึงคุณจะต้องจ่ายคืนเงินที่ใช้ลดย่อนภาษีไปแล้วบวกกับเพิ่มอัตตรา 1.5%  ต่อเดือนด้วย นับตั้งแต่เดือนเมษายนของปีที่คุณขอการยกเว้นภาษี

    แล้วจะเลือกกองทุนจากที่ไหนดี ?

    เรื่องนั้นผมมีเว็บมาให้ครับ https://www.wealthmagik.com/MyTrade.aspx?fundId=4453

    เว็บนี้จะแสดงข้อมูลของกองทุนรวม ตั้งแต่ประเภทของกองทุน อัตตราผลตอบแทน ไปจนถึงวิธีการเปิดบัญชีและซื้อกองทุนรวมเลยครับ โดยจะสามารถดูได้ด้วยว่าผู้คนส่วนใหญ่สนใจกองทุนของบลจ.ไหน แล้วยังสามารถหาประเภทกองทุนอื่นๆได้อีกหากสนใจนะครับและตัวเว็บจะมีการอัพเดทตลอดครับผม

    คุณสามารถดู list ของกองทุนรวมได้รวมถึงประเภทของกองทุนรวมได้ทั้งหมด คลิกที่รูปรถเข็นสีเขียว เพื่อที่จะซื้อและเปิดบัญชี

    เมื่อคลิกเข้าให้เลื่อนหน้าจอลงมาข้างล่างจนเจอภาพนี้ครับแล้วเลือกเปิดบัญชีทางเว็บจะมีการสอนและบอกถึงเอกสารต่างที่จำเป็นไว้หมดแล้วครับหากยังไม่ได้เป็นสมาชิกให้ทางเว็บจะให้คุณสมัครสมาชิกก่อนนะครับหลังจากนั้นก็จะเปิดบัญชีต่อได้

    และอย่างที่เขาพูดกัน “การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ขอบคุณครับ

    Comments

    • December 7, 8.00
      D. jhon shikon milon

      Is this article helpful to you?

      LikeReply