มาทำความรู้จักกับ ETF ว่ามันคืออะไรกัน


    หากจะกล่าวถึงการลงทุนในปัจจุบันนั้น มีการลงทุนในเราได้เลือกลงทุนในหลายแบบมาก โดยเฉพาะในเหล่าคนในยุคปัจจันที่เริ่มหันมาส่งใจในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น หรือการฝากธนาคารเพื่อเอาดอกเบี้ย หรือแม้กระทั่งการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอล แต่ที่กำลังมาแรง ซึ่งหลายๆคนที่ได้เข้ามาในวงการลงทุนนั้นแล้วอาจจะเขียนได้ยินกองทุน ETF โดยหลายๆคนก็อาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร และน่าสนใจในการลงทุนมากแค่ไหน ซึ่งในบทความนี้นั้นจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ ETF ว่ามันคืออะไร และมีประโยชนต่อเราอย่างไร ซึ่งบทความนี้ จะบรรยายดังหัวข้อต่อไปนี้ ด้านล่าง

    1.ETF คืออะไร

    กองทุนเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆคนนั้นให้ความสนใจ กองทุนซื้อขายในปัจจุบันนั้นนับว่ามีประโยชน์มากในการกระจายความเสี่ยงของการลงทุน และมีความสะดวกคล้ายๆกับการซื้อหุ้นในปัจจุบัน ซึ่งนิยามของกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน ETF คืออะไร กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือ ETF คือ กองทุนที่สามารถทำการซื้อขายหรือแลกเปลี่ยนกันได้เหมือนหุ้นที่เราซื้อทั่วๆไป ซึ่งหมายความว่า ETF นั้นสามารถทำการซื้อและทำการขายได้ตลอดทั้งวัน ซึ่งเจ้าตัว ETF เองนั้นมันมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากองทุนประเภทอื่นๆ ขึ้นอยู่กับว่าความเสี่ยงมันมากน้อยเพียงใด แตกต่างกันไปตามชนิดต่างๆ แต่ขณะเดียวกันเจ้าตัว ETF เองนั้นมันก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับผู้ลงทุนทุกๆกลุ่ม หรือเหมาะกับความต้องการของแต่ละคน เพราะว่า ก่อนที่เราจะทำการลงทุนใน ETF นั้น ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการจัดการและค่าธรรมเนียมคอมมิชชันด้วย 

    2.การทำงานของ ETF 

    หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าการทำงาน ETF มันทำงานอย่างไร หรือใช้งานอย่างไร ETF จะดำเนินการเป็นผู้ให้บริการด้านกองทุนเป็นเจ้าจองสินทรัพย์ที่อ้างอิงไว้ โดยจะมีการออกแบบกองทุนเพื่อที่จะติดตามผลการดำเนินงานแล้วขายหุ้นในกองทุนดังกล่างในกับนักลงทุนอีกทีนึง ซึ่งผู้ที่ทำการถือหุ้นนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของ ETF นั้นเอง แต่ไม่ได้หมามความว่าผู้ถือหุ้นนั้นจะเป็นเจ้าของกองทุนหรือสินทรัพย์ที่ถูกอ้างในกองทุน แต่กระนั้นเอง นักลงทุนใน ETF ที่ได้ทำการลงทุนในดัชนีหุ้นอาจจะได้รับเงินปันผลเป็นก้อน หรือการลงทุนซ้ำสำหรับหุ้นที่ประกอบเป็นดัชนี โดยขระที่ ETF นั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อติดตามมูลค่าของสินทรัพย์หรือดัชนีที่ถูกอ้างอิงนั้น ไม่ว่าเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ เช่น ทองคำหรือตะกร้าหุ้น เช่น S&P 500 โดย ETF เองจะกำหนดราคาซื้อขายไว้ในตลาด ซึ่งมักจะแตกต่างจากสินทรัพย์นั้น ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากสิ่งต่างๆ เช่น ค่าใช้จ่าย ผลตอบแทนระยะยาวสำหรับ ETF จะแตกต่างจากสินทรัพย์อ้างอิง โดยจะสรุปง่ายๆ วิธีการทำงานของ ETF ใน 3 ข้อต่อไปนี้ด้านล่าง

    1.ผู้ให้บริการ ETF จะเป็นคนจัดหาสินทรัพย์ต่าง ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร และสินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินต่างๆ โดยจะนำมาสร้างตะกร้าของสินทรัพย์เหล่านั้นด้วยสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์

    2.นักลงทุนสามารถเข้าไปเลือกซื้อหุ้นในตะกร้านั้นได้ เหมือนกับการเลือกซื้อหุ้นของบริษัท

    3.ผู้ซื้อและผู้ขาย ETF นั้นสามารถที่จะทำการเทรดได้ตลอดทั้งวัน หรือทำการแลกเปลี่ยนได้ทั้งวัน เหมือนกับหุ้น

    ความแตกต่างระหว่าง ETF และกองทุนรวม

    Mutual Funds vs ETFs | Top 7 Differences (with Infographics)

    โดยปกติแล้วนั้น ETF นั้นมันจะมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่ากองทุนรวม สิ่งอันนี้ก็เป็นส่วนสำคัญของ ETF เอง ค่าใช้จ่ายในการบริหารประจำปีโดยเฉลี่ย (หรือที่เรียกว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่าย) สำหรับกองทุนรวมหุ้นคือ 0.52% อัตราส่วนค่าใช้จ่าย ETF ของดัชนีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.18% ETF ยังมีข้อได้เปรียบในด้านภาษีแก่นักลงทุนอีกด้วย โดยทั่วไปนั้นจะมีการหมุนเวียนมากขึ้นในกองทุนรวม (โดยเฉพาะกองทุนที่มีการจัดการอย่างแข็งขัน) เมื่อเทียบกับ ETF และการซื้อและขายดังกล่าวอาจส่งผลให้ได้รับเงินทุน ในทำนองเดียวกัน เมื่อนักลงทุนไปขายกองทุนรวม ผู้จัดการจะต้องระดมเงินสดด้วยการขายหลักทรัพย์ ซึ่งสามารถสะสมกำไรจากการขายได้เช่นกัน ในทั้งสองสถานการณ์ นักลงทุนจะต้องเสียภาษีเหล่านี้ เพราะฉะนั้น ETF นั้นมันจึงได้รับความนิยมเรื่อยๆ แต่จำนวนกองทุนรวมก็ยังมีมากเหมือนเดิม เพราะว่าทั้งสองอย่างทั้ง ETF มีการโครงสร้างการจัดการที่แตกต่างกัน 

    ความแตกต่างระหว่าง ETF และหุ้น

    เช่นเดียวกันกับหุ้น ETF นั้นสามารถซื้อขายและแลกเปลี่ยนได้เหมือนหุ้นเลย แต่มันจะมีสัญลักษณ์เฉพาะที่จะช่วยให้คุณติดตามราคาต่างๆได้ ซึ่งแตกต่างจากหุ้นตรงที่ หุ้นมันเป็นตัวแทนของบริษัท บริษัทเดียว ซึ่งตัว ETF เป็นตัวแทนของตะกร้าหุ้น เนื่องจากเจ้าตัว ETF มีสินทรัพย์หลายตัว มันเลยก็จะทำให้กระจายความเสี่ยงได้ดีกว่าการที่เราซื้อหุ้นเพียงตัวเดียว ซึ่งการซื้อ ETF นั้นมันก็สามาถลดความเสี่ยงในพอร์ตโฟลิโอได้ เพราะมันถือว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงไปในตัวแล้ว เช่น ETF บางประเภทนั้นก็มุ่งเน้นไปที่การติดตาม S&P 500 และมี HACK คือกองทุนความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และ FONE สำหรับ ETF ที่เน้นที่สมาร์ทโฟน


    3.ข้อดีและข้อเสียของการลงทุนใน ETF

    ต้นทุนในการซื้อและการขาย ต้นทุนของการซื้อ ETF นั้นอาจจะไม่สิ้นสุดด้วยอัตราส่วนค่าใช้จ่าย เนื่องจาก EFT นั้นเป็นการแลกเปลี่ยนการซื้อขาย พวกเขาอาจจะต้องเสียค่าคอมมิชชั่นให้กับกโบรกเกอร์ออนไลน์ โบรกเกอร์หลายรายตัดสินใจลดค่าคอมมิชชั่น ETF เป็นศูนย์ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะบางเจ้าก็เรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นในราคาแพง ดังนั้นก่อนที่จะทำการลงทุนใน ETF นั้นเราต้องเลือกโบรกเกอร์ให้ดี เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อตัวเราเองมากที่สุด

    ปัญหาสภาพคล่องที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณทำการลงทุนใน ETF แม้ว่าการซื้อขายจะสามารถซื้อขายได้ตลอดเวลาเหมือนตลาดหุ้น แต่สภาพคล่องของ ETF นั้น เมื่อคุณอยู่ในราคาตลาดปัจจุบันเมื่อถึงเวลาขายก็ต้องขาย แต่การลงทุนใน ETF อาจจะไม่ได้มีการซื้อขายบ่อยเพราะมันถูกกระจายความเสี่ยงไปมาก ทำให้ราคามันอาจจะไม่ได้ดั่งใจคุณ

    ความเสี่ยงที่ ETF จะปิดตัวลง สาเหตุหลักๆของข้อเสียข้อนี้ก็คือ กองทุนนั้นไม่ได้นำสินทรัพย์มาเพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ซึ่งความไม่สะดวกที่สำคัญที่สุดของ ETF แบบปิดก็คือ นักลงทุนต้องขายเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้และอาจขาดทุน นอกจากนี้ยังมีความไม่สะดวกที่ต้องนำเงินนั้นไปลงทุนใหม่และมีโอกาสเป็นภาระภาษีที่ไม่คาดคิด


    จากบทความทั้งหมดนี้ก็หวังว่าผู้อ่านจะได้ไอเดียเพื่อนำไปต่อยอดและพิจารณาว่าควรลงทุนใน ETF หรือไม่ อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่า ETF นั้นจะมีข้อดีต่างๆมากมาย แต่ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเสียด้วยเหมือนกัน ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำการลงทุนอะไรก็ตามแต่ ควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้านก่อนที่จะทำการลงทุนนั้นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการขาดทุนและสูญเสียเงินต้นของเราไป รวมถึงการศึกษาหาข้อมูลต่างๆก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะมันสามารถลดความเสี่ยงให้คุณได้เหมือนกัน เพราะคุณมีความรู้ก่อนที่จะลงสนามจริง ดังนั้นผู้เขียนก็หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย 

    Comments

    • December 7, 8.00
      D. jhon shikon milon

      Is this article helpful to you?

      LikeReply