ความหมายของกราฟแท่งเทียน ประเภท วิธีการวิเคราะห์และเคล็ดลับสำหรับมือใหม่
กราฟแท่งเทียนเป็นภาพแสดงข้อมูลของราคาที่นักเทรดมักชอบใช้ในตลาดหุ้นหรือในตลาด
ฟอร์เร็กซ์ โดยประเภทกราฟแท่งเทียนมักจะถูกใช้โดยผู้เทรดเพื่อนำมาศึกษาแนวทางความเป็นไปได้ของราคาของตลาด รวมถึงประเมินและวิเคราะห์ภาวะทางจิตใจของผู้ลงทุนท่านอื่นๆของตลาด จึงกล่าวได้ว่าหากนักเทรดท่านใดสามารถอ่านกราฟดังกล่าวนี้ได้ ก็จะถือว่าเป็นต่อและเป็นประโยชน์เมื่อเทียบกับนักเทรดท่านอื่นๆ การที่นักลงทุนสามารถศึกษาถึงวิธีการที่กราฟแท่งเทียนทำงาน ก็จะทำให้นักลงทุนมีความเข้าใจในการคาดคะเนถึงพฤติกรรมและความเป็นไปได้ของราคาสินทรัพย์แบบต่างๆ ซึ่งในที่นี้ก็จะช่วยให้นักเทรดสามารถคาดเดาหากมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหันในราคาหรือเทรนด์ต่างๆ ในขณะเดียวกันก็สามารถทราบว่า ราคาและความนิยมใดจะดำเนินไปอีกนาน เมื่อนักเทรดได้วิเคราะห์โดยใช้กราฟแท่งเทียนพร้อมๆไปกับการใช้เทคนิคการวิเคราะห์ นักเทรดก็จะสามารถคาดการณ์ความเป็นไปของราคาได้อย่างเฉียบคมมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนประกอบในกราฟแท่งเทียน
ในตัวอย่างจากภาพข้างดังกล่าว นักเทรดจะสังเกตเห็นว่า เมื่อใดที่ราคาเปิดนั้นต่ำกว่าราคาปิด เป็นเหตุให้เกิดแท่งเทียนที่มีสีขาว หรือที่อยู่ตรงตลาดขาขึ้น bullish และเมื่อใดที่ราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด ก็จะเป็นเหตุให้เกิดแท่งเทียนที่มีสีดำ ที่อยู่ตรงตลาดขาขึ้นbearish ในตรงบริเวณที่เป็นกล่องที่แสดงให้เห็นนั้นจะเป็นสัญลักษณ์ที่ระบุพฤติกรรมราคาหรืออีกชื่อที่เรียกว่าลำตัว (Body) ในส่วนของเส้นยาวที่ถูกยืดออกมาจากแท่งเทียนจะเป็นสัญลักษณ์ที่ระบบความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นมากที่สุดในวันนั้นๆ ตรงนี้จะเรียกว่าหาง (Wick & Shadow) อีกองค์ประกอบคือส่วนจมูก (Nose) ที่เป็นเส้นขนาดสั้นเล็กที่ยื่นออกมาจากแท่งเทียน
ปรากฏการณ์ Doji จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการปิดราคาอยู่ในเลเวลเดียวกันการการเปิดราคา หรือไม่ก็ปิดราคาในจุดที่ใกล้กับเลเวลของราคาเปิดแบบมากๆ ปัจจัยหลักของการที่จะทำห้การซื้อขายออนไลน์สำเร็จอาจไม่ได้เกิดจากการเพียรท่องและจำชื่อภาษาญี่ปุ่นของประเภทแท่งเทียนในแบบต่างๆ หรือการจำรายละเอียดที่มาของแท่งเทียน แต่อย่างไรก็ตาม สองอย่างนี้ก็สามารถเป็นประโยชน์ต่อนักเทรดในการคาดเดาพฤติกรรมราคาของตลาด นักเทรดจะสามารถแยกประเภทรวมถึงบอกได้ถึงความเป็นไปได้ของตลาด โมเมนตัม สภาวะจิตใจของผู้ลงทุนส่วนใหญ่ ทั้งหมดนี้ก็เมื่อนักเทรดอ่านกราฟได้
วิธีอ่านกราฟแท่งเทียน
1. สังเกตุความยาวและขนาดทั้งแท่งของแท่งเทียน
2. ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างราคาเปิดและราคาปิด
3. หางและความเกี่ยวเนื่องกันของตัวแท่งเทียน
สังเกตความยาวและขนาดทั้งแท่งของแท่งเทียน
หากแท่งเทียนใดมีราคาต่ำในการเปิดและถูกปิดที่ราคาระดับสูง หรือหากแท่งเทียนใดๆ ยาวมากเป็นพิเศษนั้นก็ถือเป็นอะไรที่ปกติ แต่หากในระยะยาวเกิดเทรนด์ขาลง จะเป็นไปได้ว่าแท่งเทียนนั้นๆต้องการที่จะบอกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นนั่นคือการที่เทรนด์จะผันผวนหรือกลับขึ้นไปอย่างมีเหตุผลบางอย่างรองรับอยู่ กล่าวคืออาจเกิดขึ้นแบบมีนัยยะ แต่กลับกันเมื่อมีเทรนด์ขาขึ้นที่ยาวนานที่เกิดในระยะเวลาหนึ่ง
หากทว่าแท่งเทียนใดๆที่ถูกปิดแล้วมีความยาวของแท่งมากเกินไป ในลักษณะของตัวเส้นที่รียกว่า Wick กล่าวคือเส้นงอกตรงขึ้นไปทางข้างบนของแท่ง หรือมีตัวของแท่งเทียนของตลาดที่กำลังเป็นขาลง ซึ่งเส้นจะตกอย่างรุนแรงจากบนมาล่าง ตรงนี้จะกล่าวได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ Blow off และ Top condition ซึ่งสามารถศึกษาได้จากภาพข้างล่าง การผวนกลับของราคาของแท่งเทียนจะมีการถูกแทนด้วยสีน้ำเงิน
ความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างราคาเปิดและราคาปิดของกราฟแท่งเทียนฟอร์เร็กซ์
ราคาของสินค้ามักจะดีดตัวสูงขึ้นเมื่อเกิดภาวะตลาดขาขึ้น (bullish market) หรือเทรนด์ขาขึ้นซึ่งเกิดจากการเปิดแท่งเทียนโดยแรงซื้อ ตัวตรงนี้ตัวที่จะสามารถระบุค่าให้เราทราบถึงความเป็นไปทั้งบวกลบระหว่างที่มีเทรนด์นั้นก็คือตัวเทียนที่มีสีดำ แต่เมื่อราคาพุ่งขึ้นสูงแล้ว แท่งเทียนที่เป็นสีขาวนั้นก็จะเกิดขึ้นตามมา
เมื่อใดที่ช่วงของขาขึ้นเข้ามากำหนดพฤติกรรมราคาของตลาด ระยะห่างที่มีอยู่ตรงกลางของราคาปิดและราคาเปิดในแท่งเทียนนั้นๆ ก็จะทำหน้าที่บอกถึงปัจจัยที่ควบคุม
ในทางตรงกันข้าม แท่งเทียนที่มีสีดำจะเริ่มสร้างตัวขึ้น ในสถานการณ์แบบตลาดขาลงขั้นรุนแรง bearish market ในช่วงนี้เองที่เป็นโอกาสสำหรับผู้ชายที่จะเริ่มทำงานในตลาดด้วยการเริ่มเปิดแท่งเทียนและเดินเกมสควบคุมตลาดไว้ มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากถ้าหากเราสามารถอ่านกราฟแท่งเทียนได้ เพราะอย่างที่กล่าวมา เราสามารถวิเคราะห์ความเป็นไปต่างๆของตลาดผ่านสิ่งที่แสดงออกมาจากกราฟ เช่นสีและรูปร่างหน้าตาของแท่งเทียนเป็นต้น
หางและความเกี่ยวเนื่องกันของตัวแท่งเทียนฟอร์เร็กซ์
นักเทรดสามารถสังเกตได้จากตัวอย่างภาพข้างบน โดยจะสามารถเห็นได้ว่าหางของตัวBullish Pin Bar จะถูกยึดให้ติดอยู่กับด้านล่างของตัวเทียน นี่สามารถแสดงออกถึงการปฏิเสธแนวรับ โดยต่อจากเหตุการณ์ดังกล่าว สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ now-moment buyers จะสูงมากขึ้น โดยบายเยอร์ในที่นี้คือผู้ซื้อ ณ ขณะนั้น เมื่อผู้ซื้อมากขึ้นราคาบนแพลตฟอร์มก็จะดีดสูงมากขึ้นเช่นกัน แต่ตรงกันข้าม เมื่อใดที่มี Bullish Pin Bar แต่หางถูกยึดให้ติดกับด้านบนของแท่ง นี่สามารถแสดงออกถึงการที่แนวต้านถูกปฏิเสธ
สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ now-moment sellers จะสูงมากขึ้น โดยเซลเลอร์ในที่นี้คือผู้ขาย ณ ขณะนั้น เมื่อจำนวนผู้ขายมากขึ้นราคาบนแพลตฟอร์มก็จะดิ่งลดต่ำลง การผันพลิกกลับที่รุนแรงมากคือประเภทที่ตัวหางจะมีความยาวที่มากกว่าแท่งเทียน จมูกนั้นก็จะมีเพียงแค่นิดเดียวหรืออาจไม่พบเลย
คำแนะนำสำหรับมือใหม่ในการอ่านกราฟแท่งเทียน
ให้สังเกตรายละเอียดและประเภทของแท่งเทียนเป็นหลักแล้วตีความต่อจากนั้น โดยสรุปสั้นๆและดูประเภทของแท่งเทียนที่มีอยู่ในกราฟโดยส่วนมากถูกจำแนกออกเป็น 3 ประเภทดังนี้
ประเภทแท่งเทียนที่มีลักษณะรูปแบบขาขึ้น (Bullish Candlestick Pattern) ตรงนี้จะแสดงถึงการที่หุ้น และอาจเป็นค่าเงินที่มีการปรับตัวขึ้นไปในทิศทางบวก กล่าวง่ายๆคือการที่ราคาเพิ่มสูงขึ้น ในลักษณะที่ราคาปิดจบที่สูงกว่าราคาเปิด หรือราคาเปิดจบที่จุดต่ำกว่าราคาปิด แท่งทที่แสดงถึงลักษณะนี้คือแท่งที่มีสีเขียวและขาว
ประเภทแท่งเทียนที่มีลักษณะรูปแบบขาลง (Bearish Candlestick Pattern) ตรงนี้จะแสดงถึงการที่หุ้น และอาจเป็นค่าเงินที่มีการดิ่งลงไปในทิศทางลบ กล่าวง่ายๆคือการที่ราคาที่ต่ำลงในลักษณะที่ราคาปิดจบที่ต่ำกว่าราคาเปิด หรือราคาเปิดจบที่จุดสูงกว่าราคาปิด แท่งที่แสดงถึงลักษณะนี้คือแท่งที่มีสีแดงและดำ
ประเภทแท่งเทียนที่มีลักษณะแบบต่อกันไปเรื่อยๆไม่มีความผันแปร (Continuous Candlestick Pattern) ตรงนี้จะแสดงถึงการที่หุ้น และอาจเป็นค่าเงินไม่เกิดการปรับตัว หรือถ้ามีก็อาจจะน้อย โดยไม่เกิดผลกระทบะไร (ราคาเปิดและราคาปิดจะจบตรงที่จุดเลเวลเดียวกัน หรือใกล้กันมากสุดๆ) โดยเราจะไม่เห็นแท่ง เห็นแต่เส้นเท่านั้น จะมีลักษณะคล้ายกับเครื่องหมายบวก เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า Doji
ทริคการดูแบบไม่ต้องจำ
- ในแท่งเทียนแต่ละแท่ง ให้ดูผลที่เกิดขึ้นระหว่างกำลังซื้อกับกำลังขายเป็นหลัก ว่าฝั่งใดชนะ โดยเน้นดูเทียนแต่ละแท่งเป็นแท่งๆไป
- ให้สังเกตถึงความยาวของแท่งเทียนแต่ละแท่งว่าสั้นหรือยาว
- สังเกตถึงปริมาณความมากน้อยในการซื้อขายของของแท่งเทียนแต่ละแท่งว่าน้อยมากเท่าใด
- ให้สังเกตดูกำลังซื้อขายว่าฝั่งไหนมีมากกว่า โดยให้ดูที่แท่งเทียนแต่ละแท่ง ให้เน้นไปที่แท่งที่มีเส้นยาว
- ใส่ใจถึงรายละเอียดของการปิดเปิดของราคา โดยการเทียบเคียงดูว่าราคาปิดเปิดปัจจุบันต่างและเหมือนกับราคาแท่งเทียนอันก่อนหรือไม่อย่างไร
- ให้สังเกตถึงเทรนด์และความนิยม และการทับซ้อนกันของราคาในกลุ่มแท่งเทียนที่มีหลายแท่ง
- ศึกษาเรื่อง Time Frame และอาจลองเปลี่ยนให้น้อยลง สั้นกว่าเดิม เพื่อจะได้มีเวลาสังเกตว่าราคามีการเคลื่อนที่อย่างไร
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply