ค่า SWAB ใน Forex คืออะไร และคิดอย่างไร

หากจะกล่าวถึงการลงทุนในโลกปัจจุบันคงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การลงทุนนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่เราคิดเยอะ เพราะสมัยนี้การเข้าถึงการลงทุนนั้นสามารถทำได้สะดวกและรวดเร็วกว่าสมัยก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น สกุลเงินคริปโต หรือแม้กระทั่ง Forex เองนั้น คุณก็สามารถทำการลงทุนได้โดยใช้มือถือเพียงแค่ 1 เครื่อง แต่หากคุณเป็นมือใหม่และเพิ่งเข้ามาในตลาด Forex คุณก็อาจจะสงสัยว่า ทำไมตัวแปรใน Forex มันมีเยอะ และแต่ละตัวมันคืออะไรบ้าง โดยในบทความนี้ก็จะมีเขียนถึงตัวค่า SWAB ว่ามันคืออะไร เพื่อให้ผู้อ่านได้คลายสงสัยกัน โดยมีหัวข้อดังต่อไปนี้

1.ค่า SWAB ใน FOREX คืออะไร

2.การคำนวณคิดค่า SWAB ใน FOREX

3.ข้อดีและข้อเสียของการมีค่า SWAB

1.ค่า SWAB ใน FOREX คืออะไร

ก่อนอื่นเราต้องมาทำความรู้จักกับค่า SWAB ใน FOREX ก่อนว่ามันคืออะไร ซึ่งค่า SWAB ก็คือค่าธรรมเนียมหรือดอกเบี้ยที่เรียกเก็บหากเราทำการเทรดหรือเปิดสถานะข้ามคืน หรือสามารถได้อีกอย่างหนึ่งว่า ดอกเบี้ยข้ามคือหรืออัตราโรลโอเวอร์ ซึ่งเจ้าค่า SWAB มันจะถูกเรียกเก็บการจากซื้อขายที่เปิดโดยมุ่งเป้าที่เราจะเข้าไปเทรด หรือซื้อและขายคู่สกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นหลัก เพราะ SWAB ถ้าแปลตรงตัวมันก็หมายความว่า สลับ สับเปลี่ยน การซื้อขายที่เปิดโดยมุ่งเป้าไปที่การซื้อ/ขายสกุลเงินต่างประเทศซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นหลักการซื้อขายที่เปิดโดยมุ่งเป้าไปที่การซื้อ/ขายสกุลเงินต่างประเทศซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นหลัก SWAB มีผลเฉพาะกับผู้ค้าที่มีส่วนร่วมในการซื้อขายระยะกลางและระยะยาว ดังนั้นหากคุณเป็น DAY TRADE นั้นคุณก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลในส่วนของค่า SWAB มากนัก เพราะมันจะถูกเรียกเก็บก็ต่อเมื่อคุณทำการเปิดออเดอร์หรือทำการเทรดข้ามคืน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่เสมอไป เนื่องจากคุณต้องดูด้วยว่า โบรกเกอร์ที่คุณใช้อยู่นั้น เป็นเซิร์ฟเวอร์ของประเทศอะไร เนื่องจากบางโบรกเกอร์ไม่ใช่ยึดเอาตามเวลาในประเทศไทย ถ้าไม่เช่นนั้น คุณอาจจะโดยค่า SWAB อย่างมากๆเลยทีเดียว จนคุณอาจจะไม่เหลือกำไรเลยก็ได้ ดังนั้นคุณต้องดูดีๆว่า โบรกเกอร์แต่ละเจ้านั้นมีค่าธรรมเนียม SWAB มากแค่ไหน ซึ่งปัจจัยค่า SWB นั้นควรที่จะถูกนำมาเป็นปัจจัยในการเลือกใช้โบรกเกอร์อีก 1 ปัจจัยเช่นกัน 

2.การคำนวณคิดค่า SWAB ใน FOREX

การคิดคำนวณค่า SWAB นั้นจะคำนวณโดยการลบอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินหลัก ซึ่งก็คือสกุลเงินแรกในคู่เหรียญ โดยจะหักลบออกจากอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินอ้างอิง ซึ่งก็คือสกุลเงินอันที่ 2 ในคู่เหรียญ ตัวอย่างเช่น คุณทำการเทรดคู่สกุลเงิน GBP/USD และคุณได้ทำการเทรดข้ามคืน จึงทำให้ค่า SWAB เกิดขึ้น ดังนั้นค่า SWAB ก็จะคำนวณโดยการลบอัตราดอกเบี้ยของ GBP และลบออกจากอัตราดอกเบี้ยของ USD ออก 

ดังนั้นหากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสกุลเงินแรกสูงกว่า ค่า SWAB นั้นจะเป็นบวก (+) แต่ในทางกลับกัน หากอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางของสกุลเงินอันที่ 2 สูงกว่าค่า SWAB จะเป็นลบ (-)

โดยต่อไปนี้จะเป็นตัวอย่างการคำนวณว่าค่า SWAB นั้นมันสามารถคิดได้อย่างไร เพื่อให้คุณผู้อ่านได้เห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ดังนี้

สมมติว่าเรากำลังซื้อคู่สกุลเงินหรือคู่เหรียญ EUR/USD อยู่ โดยอัตราดอกเบี้ยของ EUR คือ 2% และอัตราดอกเบี้ยของ USD นั้นเท่ากับ 1% ดังนั้นค่า SWAB ของเราจะเป็น (+) 1% ถ้าเราทำการเทรดแบบไว้ข้ามคืน 

ค่า SWAB ของ EUR/USD = 2% - 1% = 1%

อีกตัวอย่างนึงคือ หากเราทำการซื้อสกุลเงินคู่เหรียญของ EUR/USD ในกรณีของโรลโอเวอร์ เราจะมีค่า SWAB ติดลบเท่ากับ1% 

ค่า SWAB ของ EUR/USD ในกรณีที่โรลโอเวอร์ = 1% - 2% = -1%

ซึ่งถ้าหากเราทำการขาย USD ซึ่งจริงๆแล้วนั้นเราไม่มีอยู่ในตอนแรก มันก็เหมือนกับว่า เรากำลังยืมเงินและกำลังจ่ายอัตราดอกเบี้ย 1% เป็นหลัก และเมื่อเราทำการขายสินค้าในส่งที่เราไม่มี เราจะจ่ายอัตราดอกเบี้ยสำหรับการใช้เงินที่เราได้ทำการยืมมา เช่นเมื่อคุณทำการซื้อเงินยูโร เราก็สามารถทำการกู้เงินยูโรมา เพื่อให้ผู้เทรดคนอื่นไปอีกทีก็ได้ เช่นกัน

3.ข้อดีและข้อเสียของการมีค่า SWAB

ข้อดีของการมีค่า SWAB

ข้อได้เปรียบหลักๆเลยก็คือ เวลาที่เราทำการซื้อขายสกุลเงินนั้นใดก็ตาม มันย่อมมีความเสี่ยงที่เกิดจากอัตราแลกเปลี่ยน ดังนั้นการมีค่า SWAB นั้นมันสามารถลดความเสี่ยงจากคู่สกุลเงินที่เคลื่อนไหวได้ ยิ่งถ้ามันเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เฉพาะเจาะจงมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น USD นั้นอย่างที่ทุกคนย่อมทราบกันดีว่า เป็นสกุลเงินสำรองของโลกนี้ ทำให้การเทรดคู่เงินที่มีดอลลาร์สหรัฐนั้นมันอาจจะเกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อข่าวเศรษฐกิจของสหรัฐได้ ดังนั้นการจัดการความเสี่ยงของค่าเงิน ดอลลาร์ที่เคลื่อนไหวด้านเดียวมากเกินไปสามารถทำได้ผ่านการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้มันสามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า การแลกเปลี่ยนข้ามสกุลเงินและเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนดอกเบี้ยในสกุลเงินหนึ่งสำหรับสกุลเงินเดียวกันในอีกสกุลเงินหนึ่ง และควรจะเป็นธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ร่วมกับกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงอื่น ๆ และข้อดีอีกประการหนึ่งก็คือ การแลกเปลี่ยนสกุลเงินนั้นสามารถทำได้หลายวิธี หากจำนวนเงินที่แลกเปลี่ยนถูกแลกเปลี่ยนทั้งหมดเมื่อเริ่มต้นธุรกรรม ณ วันที่ครบกำหนด การแลกเปลี่ยนจะถูกกลับรายการ แนวคิดเบื้องหลังนี้คือในระหว่างนี้ จนถึงวันที่ครบกำหนด ตลาดอาจกลับตัว ดังนั้นบริษัทโบรกเกอร์ก็จะต้องทำการจัดการความเสี่ยง โดยค่า SWAB ที่เราเสียไปอาจจะเล็กน้อย เมื่อเทียบกับความเสี่ยงเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนของสกุลเงิน ซึ่งวันที่ครบกำหนดเหล่านี้มีความยืดหยุ่นสูง โดยจะยืดเวลาออกไปเป็นเวลานาน ในกรณีส่วนใหญ่หลายปี และต่อรองได้ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพิจารณาคือความจริงที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่ควบคุมข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงินสามารถคงที่หรือลอยตัวในตลาด

ข้อเสียของการมีค่า SWAB

ข้อเสียหลักๆของการมี SWAB เลยก็คือ เวลาที่เราทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินนั้นๆ พวกเขาก็มีจุดประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพียงเท่านั้น แต่พอมีค่า SWAB มันทำให้ต้องมาพิจารณาถึงค่าธรรมเนียมต่างๆ ถึงแม้ว่าค่า SWAB นั้นมันถูกใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนก็ตาม แต่ข้อเสียมันก็มีเหมือนกันตรงที่ ความเสี่ยงเมื่อใช้การแลกเปลี่ยนสกุลเงินคือ ณ เวลาที่ครบกำหนด อัตราดอกเบี้ยลอยตัวจะแสดงต้นทุนที่มากกว่าวัตถุประสงค์ทั้งหมดของการแลกเปลี่ยน เพื่อลดข้อเสียนี้ ควรใช้ระยะเวลาที่ยาวนานขึ้น โดยรวมแล้ว การแลกเปลี่ยนสกุลเงินมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย และโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ก็ใช้สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่มีคุณค่า เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องมือการจัดการความเสี่ยงอื่นๆ เช่น การป้องกันความเสี่ยง ช่วยให้โบรกเกอร์ forex นำทางผ่านช่วงเวลาทางการเงินที่ยากลำบาก จึงมีค่า SWAB มาเก็บกับผู้ใช้บริการ ซึ่งบางโบรกเกอร์นั้นก็มีค่าธรรมเนียมที่แพงมากๆ ทำให้บางทีมันไม่คุ้มทุนที่จะทำการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นต้น

โดยในบทความนี้ก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าค่า SWAB มันคืออะไรและมีจุดประสงค์อย่างไร อย่างไรก็ตามผู้เขียนหวังว่าผู้อ่านจะได้ไอเดียกลับไปไม่มากก็น้อย รวมถึงการพิจารณาค่า SWAB และสิ่งที่ควรระวังอีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ทุกคนทำการเทรดได้อย่างมีกำไรและมีประสิทธิภาพ ซึ่งการเทรด FOREX นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากหากเราทำการศึกษารอบๆด้าน และติดตามข่าวสารอยู่เสมอ เพื่อเป็นการพัฒนาตัวเองให้เป็นผู้เทรดที่มีประสบการณ์และต่อยอดให้ตัวเองในทุกๆวัน ซึ่งผู้เขียนก็หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อย