Sell Limit คือ อะไร? ทำความรู้จัก Pending Order?Stop Loss และ Take Profit คืออะไร?
1. Sell Limit คืออะไร?: ทำความรู้จัก Pending Order
Sell limit เป็นหนึ่งในคำสั่งในฟังก์ชั่นการใช้งาน Pending Order ที่โบรกเกอร์เปิดโอกาสให้นักลงทุน หรือเทรดเดอร์ สามารถเข้าไปตั้งค่าการเปิดสถานะซื้อ-ขาย โดยสามารถกำหนดราคาที่ต้องการซื้อ หรือราคาที่ต้องการขาย วันนี้ บทความจะพามารู้จักคำสั่งแต่ละแบบอย่างละเอียด ตั้งแต่ Sell Limit, Buy Limit, Sell Stop, และ Buy Stop
1.1 Pending Order คืออะไร?
คำสั่ง Pending Order คือ คำสั่งซึ่งเป็นเหมือนคำสัญญาระหว่างเทรดเดอร์ และโบรกเกอร์ว่าจะซื้อ หรือขายหลักทรัพย์ในราคาที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต คำสั่งประเภทนี้ใช้สำหรับการเปิดสถานะการเทรด หากราคาถึงระดับที่กำหนดไว้ล่วงหน้าในอนาคต โดยมีคำสั่ง 5 ประเภทที่เทรดเดอร์ สามารถเลือกได้ ประกอบด้วย Sell Limit, Buy Limit, Sell Stop, และ Buy Stop
2. เทรดแบบ Pending Order: ประเภทของ Pending Order
ก่อนอื่นเลย หากคุณใช้ซอฟต์แวร์การเทรด Forex ของ MetaTrader และต้องการเลือกคำสั่ง Pending Order ได้ คุณต้องไปที่ “Order” ซึ่งจะอยู่ในคำสั่งหลัก “Tool” หรือคุณสามารถกด F9 ซึ่งเป็นคำสั่งลัดก็ได้ เมื่อคุณเข้าสู่หน้า “Order” แล้ว คุณสามารถเลือกเปลี่ยนประเภทของการเปิดสถานะ โดยเลือก “Pending Order” ที่แถบ “Type”
หากดูภาพด้านบนประกอบ เทรดเดอร์ จะต้องกรอกข้อมูลต่างๆ เช่นในช่อง Symbol เทรดเดอร์ต้องใส่คู่เงินที่ต้องการซื้อ-ขาย ในช่อง Volume เทรดเดอร์ต้องใส่ปริมาณการซื้อขาย จากนั้นให้มาดูในส่วนของ Pending Order จะเห็นว่ามีช่อง Type ให้เทรดเดอร์เลือกว่าจะส่งคำสั่งอะไรบ้าง ซึ่งมีประกอบด้วยกันทั้งหมด 4 คำสั่ง นั่นก็คือ Buy Limit, Buy Stop, Sell Limit หรือ Sell Stop จากนั้น เทรดเดอร์จะต้องระบุราคา ที่ต้องการในช่อง at price และระยะเวลาของคำสั่งว่าจะให้ไปสิ้นสุดเมื่อไหร่ในช่อง Expiry
2.1 ประเภทของ Pending Order
ทำความรู้จักคำสั่ง Limit และคำสั่ง Stop
เทรดเดอร์ สามารถออกคำสั่งได้ว่าต้องการให้โบรกเกอร์เทรดอย่างไร ยกตัวอย่าง เช่น คุณออกคำสั่ง Limit และคำสั่ง Stop นั่นแปลว่าคุณกำลังบอกโบรกเกอร์ของคุณ ว่าคุณไม่ต้องการราคาตลาด ณ เวลานั้นๆ แต่คุณต้องการให้คำสั่งซื้อ-ขาย ของคุณ เกิดขึ้น เมื่อราคาหลักทรัพย์ หรือราคาของสกุลเงินนั้นๆ อยู่ในระดับที่คุณต้องการ หรือตรงกับเรทที่คุณพอใจ
ความแตกต่างหลักๆ สองประการ ระหว่างคำสั่ง Limit และคำสั่ง Stop ก็คือ 1. คำสั่ง Limit จะใช้ราคากำหนดจำนวนเงินที่ยอมรับได้น้อยที่สุด สำหรับธุรกรรม หรือการซื้อ-ขายที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่คำสั่ง Stop ใช้ราคาเพื่อกระตุ้นคำสั่งซื้อจริง เมื่อราคาที่ระบุได้รับการซื้อขายแล้ว ความแตกต่าง ข้อที่สอง คือ ตลาดสามารถเห็นคำสั่ง Limit ของเทรดเดอร์ได้ ในขณะที่ คำสั่ง Stop จะไม่แสดงจนกว่าจะถูกกระตุ้น
ยกตัวอย่าง เช่น หากคุณต้องการซื้อหุ้นซึ่งมีราคา 80 ดอลลาร์ที่ราคา 79 ดอลลาร์ต่อหุ้น ดังนั้น คำสั่ง Limit ของคุณจะถูกมองเห็นโดยตลาด และสำเร็จได้ ก็ต่อเมื่อผู้ขายเต็มใจที่จะขายในราคานั้น ในขณะที่คำสั่ง Stop นั้น จะไม่สามารถมองเห็นได้ในตลาด และคำสั่ง Stop จะมีผลก็ต่อเมื่อราคาในตลาด ลงมาเท่ากับราคา Stop หรือเกินราคา Stop เท่านั้น
ในคำสั่ง Stop ตามปกติ หากราคาไปจนถึงจุด Stop คำสั่งตลาดจะถูกป้อนเข้ามา หากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่ง stop-limit คำสั่ง Limit จะถูกวางตามเงื่อนไขราคาหยุดที่ถูกกระตุ้น ดังนั้น คำสั่ง stop-limit จะต้องมีการกำหนดทั้งราคา Stop และราคา Limit ซึ่งอาจเหมือน หรือไม่เหมือนกันก็ได้
2.1.1 Buy Limit
คำสั่ง Buy Limit คือ คำสั่งซื้อ หากราคาที่เราจะซื้อในอนาคตเท่ากับมูลค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จะเป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ใช้เมื่อ ระดับราคาปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าของคำสั่งที่ออเดอร์ไป คำสั่งซื้อประเภทนี้มักจะถูกวางไว้โดยคาดว่าราคาหลักทรัพย์ที่เมื่อลดลงถึงระดับหนึ่งจะเพิ่มขึ้น
คำสั่ง Buy Limit ช่วยให้คุณสามารถกำหนดคำสั่งซื้อที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน สิ่งนี้หมายความว่าหากราคาตลาดปัจจุบันคือ $20 และราคา Buy Limit ที่ตั้งไว้คือ $18 ดังนั้น เมื่อตลาดถึงระดับราคาที่ $18 คำสั่งการซื้อก็จะถูกดำเนินการในตลาดนี้
2.1.2 Buy Stop
คำสั่ง Buy Stop คือ คำสั่งซื้อ หากราคาที่เราจะซื้อในอนาคตเท่ากับมูลค่าที่กำหนดไว้ล่วงหน้า จะเป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ใช้เมื่อ ระดับราคาปัจจุบันสูงต่ำกว่ามูลค่าของคำสั่งที่ออเดอร์ไป คำสั่งซื้อประเภทนี้มักจะถูกวางไว้ โดยคาดว่าราคาหลักทรัพย์ที่เมื่อขึ้นสูงถึงระดับหนึ่ง จะเพิ่มสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
คำสั่ง Buy Stop อนุญาตให้คุณตั้งค่าคำสั่งซื้อที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน สิ่งนี้หมายความว่าหากราคาตลาดปัจจุบันคือ $20 และราคา Buy Stop ที่ตั้งไว้คือ $22 ดังนั้น เมื่อตลาดถึงระดับราคาที่ $22 คำสั่งซื้อก็จะถูกดำเนินการในตลาดทันที
2.1.3 Sell Limit
คำสั่ง Sell Limit คือ คำสั่งขาย หากราคาที่ถูกเสนอในอนาคตเท่ากับราคาที่เราต้องกำหนดไว้ล่วงหน้า จะเป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ใช้เมื่อ ระดับราคาปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าของคำสั่งที่วาง คำสั่งซื้อประเภทนี้มักจะถูกวางไว้ โดยคาดว่าราคาหลักทรัพย์ที่จะเมื่อเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง จะลดลงมา
คำสั่ง Sell Limit ช่วยให้คุณสามารถกำหนดคำสั่งขายที่สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน สิ่งนี้หมายความว่า หากราคาตลาดปัจจุบันคือ $20 และราคาจำกัดการขายที่ตั้งไว้คือ $22 ดังนั้น เมื่อตลาดถึงระดับราคาที่ $22 คำสั่งการขายนี้ก็จะถูกดำเนินการในตลาดทันที
2.1.4 Sell Stop
คำสั่ง Sell Stop คือ คำสั่งขาย หากราคาที่ถูกเสนอในอนาคตเท่ากับราคาที่กำหนดไว้ จะเป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ใช้ เมื่อ ระดับราคาปัจจุบันสูงกว่ามูลค่าของคำสั่งที่วาง คำสั่งซื้อประเภทนี้ มักจะถูกวางไว้โดยคาดหวังว่าราคาหลักทรัพย์เมื่อตกลงมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะตกลงไปอีก
คำสั่ง Sell Stop ช่วยให้คุณสามารถกำหนดคำสั่งขายที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน สิ่งนี้หมายความว่าหากราคาตลาดปัจจุบันคือ $20 และราคา Sell Stop ที่ตั้งไว้คือ $18 ดังนั้น เมื่อตลาดถึงระดับราคาที่ $18 คำสั่งการขายก็จะถูกดำเนินการในตลาดทันที
3. Stop Loss และ Take Profit คืออะไร?
3.1 คำสั่ง Stop Loss
คำสั่ง Stop Loss เป็นคำสั่งที่เทรดเดอร์ไว้ใช้เพื่อลดการสูญเสีย หากราคาหลักทรัพย์เริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่อาจจะทำให้เราขาดทุน โดยหลักการก็คือ หากราคาหลักทรัพย์ถึงระดับ Stop Loss สถานะ หรือ Position ของเราจะถูกปิดโดยอัตโนมัติ โดยคำสั่ง Stop Loss นี้สามารถใข้กับสถานะที่เปิดอยู่ในปัจจุบัน หรือสถานะที่เป็น Pending Order ก็ได้
โบรกเกอร์ Forex สามารถวางคำสั่งนี้ร่วมกับตลาด หรือกับคำสั่งที่รอดำเนินการ (Pending Order) โดยเทอร์มินัลของซอฟต์แวร์ จะตรวจสอบสถานะการซื้อ พร้อมกับราคาที่เสนอ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงของคำสั่ง โดยคำสั่ง จะถูกตั้งค่าให้ต่ำกว่าราคาเสนอในปัจจุบัน ในขณะที่ราคาที่คุณจะซื้อ (Ask Price) ของสถานะการขาย คำสั่งจะถูกตั้งค่าให้สูงกว่าราคาที่คุณจะซื้อในปัจจุบัน
3.2 คำสั่ง Take Profit
คำสั่ง Take Profit เป็นคำสั่งที่มีให้เทรดเดอร์ทำกำไร เมื่อราคาหลักทรัพย์ขึ้นถึงจุดหนึ่ง การออกคำสั่ง Take Profit จะไปปิดสถานะซื้อ-ขายของเทรดเดอร์ โดยคำสั่งนี้ จะใช้กับสถานะที่เปิดอยู่ในปัจจุบัน หรือสถานะที่รอดำเนินการ (Pending Order) ก็ได้ เทอร์มินัล จะตรวจสอบสถานะการซื้อด้วยราคาที่เสนอ เพื่อให้เป็นไปตามข้อตกลงของคำสั่ง โดยคำสั่งจะถูกตั้งให้มีมูลค่าสูงกว่าราคาเสนอในปัจจุบัน เช่นเดียวกับราคาที่เทรดเดอร์จะซื้อ (Ask Price) สำหรับสถานะการขาย ที่คำสั่งจะถูกตั้งค่าให้ต่ำกว่าราคาที่เทรดเดอร์รับซื้อในปัจจุบันเสมอ
4.ข้อดี-ข้อเสียของคำสั่ง Stop และคำสั่ง Limit
4.1 ข้อดี
-
คำสั่ง Limit ช่วยการันตีราคาที่เทรดเดอร์จะได้
-
คำสั่ง Stop จะช่วยจำกัดความสูญเสียให้กับเทรดเดอร์ได้ และช่วยการันตีกำไร ด้วยการขายออกไปก่อนที่ราคาจะตกลงกว่าราคาที่ซื้อมา
4.2 ข้อเสีย
-
โบรกเกอร์อาจคิดค่าคอมมิชชั่น สำหรับการวางคำสั่ง Limit และคำสั่งอาจจะไม่ถูกดำเนินการหากราคาไม่ไปถึงตามราคา Limit
-
เมื่อคำสั่ง Stop ถูกกระตุ้น หลักทรัพย์จะถูกขายในราคาที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ ซึ่งอาจจะต่ำกว่าราคาที่กำหนดไว้ในคำสั่ง Stop เนื่องจากการซื้อ-ขายไม่ได้เกิดขึ้นทันที ซึ่งปัญหานี้อาจหลีกเลี่ยงได้โดยการวางคำสั่ง Stop-limit แต่ก็อาจส่งผลให้คำสั่งไม่สามารถถูกดำเนินการได้เลย
-
คำสั่ง Stop อาจถูกกระตุ้นได้โดยความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ในระยะสั้น
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply