เทรด forex เป็นอาชีพ: อาชีพเทรดเดอร์ Forex คืออะไร?
เชื่อว่าหลายคนที่เข้ามาในตลาด Forex และเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อ-ขายสกุลเงินกันบ้างแล้ว น่าจะเคยคิดกันเล่นๆ ถึงการเทรด Forex เป็นอาชีพ ว่าจะสามารถทำได้จริง มากน้อยแค่ไหน จะคุ้มค่ากับการทิ้งงานประจำมาเทรด Forex เต็มตัวหรือเปล่า บทความนี้ จะพาไปสำรวจอาชีพเทรด Forex สำหรับคนที่กำลังสนใจอาชีพนี้อยู่ ลองไปดูว่า การจะเทรด Forex เป็นอาชีพได้ ต้องทำอย่างไรบ้าง และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
อาชีพนักเทรด Forex
เนื่องจากตลาด Forex หรือตลาดสกุลเงิน เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมากตลาดหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเปิดซื้อ-ขายสกุลเงิน อยู่ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงทั่วโลก เป็นตลาดที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ ทำให้อาชีพนี้เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่พอมีพื้นฐานในแวดวงการเงินมาก่อน
เสน่ห์ของอาชีพนี้ คือ คุณเป็นนายของตัวเอง สามารถทำงานได้ผ่านหน้าจอมือถือ หรือคอมพิวเตอร์ จากมุมไหนก็ได้บนโลกนี้ เพียงแค่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต และไม่จำกัดว่าคุณจะเป็นเพียงนักศึกษาจบใหม่ หรือเป็นมืออาชีพในสนาม การมีปริญญาไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกว่าคุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่ดี หรือประสบความสำเร็จ
1.เทรด forex เป็นอาชีพ: อาชีพเทรดเดอร์ Forex คืออะไร?
นักเทรด Forex คือ อาชีพที่ทำเงิน หรือสร้างรายได้จากการเปลี่ยนของราคาสกุลเงินในตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน เป้าหมายหรือความสำเร็จของเทรดเดอร์ คือ การทำกำไรจากการซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนให้ได้มากที่สุด และทำอย่างไรก็ได้ให้ได้กำไรเพิ่มมากขึ้นที่สุดจากการซื้อ-ขายนั้นๆ นักวิเคราะห์กราฟ Forex จะนำกราฟราคามาใช้วิเคราะห์ตลาด หากนักเทรด เทรด Forex ด้วย Trading Edge ซึ่งเป็นวิธีที่ทำให้นักเทรดได้เปรียบ ก็จะทำให้นักเทรดมีโอกาสทำกำไร และประสบความสำเร็จในตลาด Forex
2.ข้อดี-ข้อเสียของการเทรด Forex เป็นอาชีพ
2.1 ข้อดี
2.1.1 ต้นทุนต่ำ
การเทรด Forex นั้นเป็นอาชีพที่มีต้นทุนต่ำมาก โดยเฉพาะค่านายหน้าและค่าคอมมิชชั่น โบรกเกอร์ forex ส่วนใหญ่ทำกำไรจากส่วนต่างของสองสกุลเงิน เทรดเดอร์จึงไม่ต้องกังวลกับค่านายหน้าแยกต่างหากว่าจะถูกรวมเข้ามา หรือค่าใช้จ่ายต้นทุนแฝงที่จะเพิ่มมาทั้งหลาย เมื่อเทียบกับการซื้อ-ขายหลักทรัพย์อื่น ๆ ที่นักลงทุนอาจจะต้องเสียค่านายหน้า หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ มากมาย
2.1.2 สามารถเทรดได้หลายแบบ
ตลาด Forex เป็นตลาดที่เปิดซื้อ-ขายตลอดทั้งวัน ทำให้สามารถซื้อ-ขายได้ตามสะดวก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อนักเทรดระยะสั้น ที่มักจะเข้ามาซื้อ-ขาย ในระยะเวลาสั้นๆ เช่น ไม่กี่นาที หรือ 2-3 ชั่วโมง มีเพียงเทรดเดอร์ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเทรดนอกช่วงเวลาทำการ
ตัวอย่างเช่น ช่วงเวลากลางวันของออสเตรเลีย ตรงกับเวลากลางคืนสำหรับโซนชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ดังนั้น นักลงทุนที่อยู่ในสหรัฐฯ จึงอาจซื้อขายสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ในช่วงเวลาทำการของสหรัฐฯ เนื่องจาก ราคาอาจเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย และยังอยู่ในช่วงที่มีเสถียรภาพ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่อยู่นอกเวลาทำการ ของสกุลเงิน AUD
นักลงทุนจะใช้กลยุทธ์การซื้อ-ขายที่มีปริมาณมากและมีกำไรต่ำ เนื่องจากมีกำไรเพียงเล็กน้อยโดยนักเทรด เลือกจะทำกำไรในช่วงเวลาที่มีความผันผวนค่อนข้างต่ำ และชดเชยด้วยการซื้อ-ขายที่มีปริมาณมากแทน นอกจากนี้ นักเทรด ยังสามารถเทรดแบบระยะยาว ซึ่งอาจกินเวลาหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์ ซึ่งเป็นการซื้อขาย Forex ที่ค่อนข้างสะดวกสบาย
2.1.3 สภาพคล่องสูง
หากเทียบกับตลาดการเงินอื่น ๆ ตลาด forex เป็นตลาดที่มีจำนวนนักลงทุนเข้าร่วมในตลาดมากที่สุด ทำให้มันเป็นตลาดที่สภาพคล่องสูงมากที่สุดตลาดหนึ่ง นั่นหมายความ การซื้อ-ขาย ปริมาณมากๆ ก็สามารถเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการเบี่บงเบนราคามากมาย ทำให้การบิดเบือนราคา หรือความผิดปกติของราคาเกิดขึ้นได้ยาก เมื่อสเปรด (spread) แคบลง การกำหนดราคาก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุน ยังไม่ต้องเป็นกังวลถึงความผันผวนสูงในช่วงชั่วโมงเปิด และปิดของตลาด หรือช่วงที่ราคาซบเซาในตอนบ่าย ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องหมายทางการค้า หรือลักษณะเฉพาะของตลาดหุ้น เว้นแต่มีเหตุการณ์สำคัญๆ เกิดขึ้น นักลงทุน สามารถสังเกตรูปแบบ หรือแพทเทิร์นของราคา ในช่วงที่มีความผันผวนสูง ปานกลาง และต่ำ ตลอดการซื้อ-ขายได้
2.1.4 ไม่มีตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หรือหน่วยงานกำกับดูแล
ตลาด Forex เป็นตลาดที่มีการซื้อ-ขายหน้าเคาน์เตอร์ (over-the-counter market) อยู่ทั่วทุกมุมโลก Forex เป็น ตลาดที่ไม่มีการหน่วยงานกลางควบคุมดูแลการแลกเปลี่ยน แม้ว่าตลาด Forex จะถูกธนาคารกลางของประเทศต่างๆ เข้ามาแทรกแซงเป็นครั้งคราวตามความจำเป็น แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนานๆ ครั้ง และมักจะเกิดขึ้นภายใต้สภาวะที่รุนแรง
อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าวมักจะเป็นที่รับรู้และถูกกำหนดราคาเข้าตลาดแล้ว การเป็นตลาดที่กระจายอำนาจและปราศจากการควบคุมดังกล่าวช่วยหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงแบบอย่างกะทันหันที่จะเกิดขึ้นในตลาด เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นที่จู่ๆ บริษัทอาจประกาศจ่ายเงินปันผล หรือรายงานการขาดทุนมหาศาลทำให้ราคาหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
การยกเลิกระเบียบดังกล่าวยังช่วยให้ต้นทุนต่ำอีกด้วย คำสั่งซื้อจะถูกวางโดยตรงกับโบรกเกอร์ที่ดำเนินการด้วยโบรกเกอร์เอง ซึ่งข้อดีอีกประการของตลาดที่ไม่มีการควบคุมคือความสามารถในการทำ short position ซึ่งหมายถึงการขายออกไป เพื่อซื้อกลับมาใหม่ในราคาที่ต่ำลง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้กับหุ้นบางตัวในตลาดอื่นๆ
2.1.5 ความผันผวน คือ มิตรของนักเทรด
สกุลเงินหลักๆ ในโลก มักจะมีการเปลี่ยนแปลงของราคาสูง หากนักลงทุน เทรดอย่างชาญฉลาด ก็จะสามารถคว้าโอกาสจากความผันผวนนี้ในการทำกำไรได้มหาศาล
2.1.6 มีสกุลเงินมากมายให้เทรด
ตลาด Forex มีสกุลเงินนับร้อยให้เลือกเทรด โดยมีสกุลเงินหลักๆ ของโลก อยู่อีก 28 คู่เงิน จากการสลับไปมาของสกุลเงินโลกหลัก 8 สกุลเงิน ให้นักลงทุนได้ซื้อ-ขาย หลักการในการเลือกว่าเทรดคู่เงินไหนของนักเทรด อาจขึ้นอยู่กับความสะดวกในเรื่องเวลา, รูปแบบความผันผวน เรื่องการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ นักลงทุน Forex ที่ชื่นชอบความผันผวน สามารถเปลี่ยนการซื้อ-ขาย จากคู่เงินหนึ่ง ไปเป็นอีกคู่เงินได้อย่างง่ายดาย
2.1.7 เป็นตลาดที่เข้าง่าย
ตลาด Forex มีเครื่องมือทางเทคนิค หรือตัวชี้วัดหลายร้อยตัว ที่สามารถช่วยสนับสนุนการเทรดระยะสั้น ไปจนถึงทฤษฎีวิเคราะห์เชิงพื้นฐาน และเครื่องมือสำหรับการเทรดระยะยาวอีกมากมายไว้รองรับนักเทรดทุกกลุ่ม ทั้งระยะสั้น และระยะยาว นักเทรดที่เป็นมือใหม่ หรือนักเทรดที่มีประสบการณ์ ทำให้มันเป็นตลาดที่เหมาะสำหรับคนทุกกลุ่ม
2.2 ข้อเสีย
2.2.1 ขาดความโปร่งใส
เนื่องจากการเป็นตลาดที่ไม่มีหน่วยงานกลางคอยควบคุม นอกจากโบรกเกอร์ที่ครองตลาดอยู่ จึงเป็นการซื้อขายของบุคคลหนึ่งกับมืออาชีพ นั่นหมายความตลาดที่เคลื่อนไปโดยโบรกเกอร์ ย่อมไม่สามารถโปร่งใสได้ทั้งหมด เทรดเดอร์ ไม่สามารถควบคุมการซื้อ-ขายของเขาได้ และอาจจะไม่ได้รับราคาที่ดีที่สุด และอาจจะได้รับราคาเสนอซื้อ-เสนอขาย แบบจำกัด เท่าที่โบรกเกอร์ยอมให้เทรดเดอร์มองเห็นได้
วิธีแก้ปัญหานี้ คือ เทรดเดอร์อาจจะต้องเลือกโบรกเกอร์ได้รับการควบคุมดูแลให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของโบรกเกอร์ เพราะแม้ว่าจะไม่มีหน่วยงานใดกำกับดูแลตลาด Forex โดยตรง แต่ตัวโบรกเกอร์นั้น มีหน่วยงานที่คอยดูแลอยู่
2.2.2 การกำหนดราคาที่ซับซ้อน
ราคาของสกุลเงิน หรืออัตราแลกเปลี่ยนนั้น ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ การเมืองโลก ซึ่งยากที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ และประเมินเพื่อเทรดของนักลงทุน ทำให้เทรดเดอร์ส่วนใหญ่พึ่งพาอินดิเคเตอร์เชิงเทคนิคมาช่วยตัดสินใจในการเทรด และเป็นเหตุผลที่ทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง การใช้เครื่องมือทางเทคนิคผิด ก็อาจส่งผลให้นักลงทุนขาดทุนได้
2.2.3 ความเสี่ยงสูง เลเวอเรจสูง
การซื้อ-ขาย Forex สามารถทำได้โดยใช้เลเวอเรจสูง ซึ่งหมายความนักลงทุน สามารถซื้อ-ขายได้ที่มูลค่า 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีต้นทุนแค่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ นั่นเป็นผลมาจากการเลือกอัตราส่วนเลเวอเรจ ที่ 50:1 อย่างไรก็ตาม นี่หมายความว่า นักลงทุนอาจจะได้กำไรมหาศาลจากการลงทุนเพียงน้อยนิด หรืออาจจะขาดทุนในมูลค่าที่สูงมากเช่นเดียวกัน
2.2.4 เรียนรู้ด้วยตนเอง
ในขณะที่นักลงทุนในตลาดหุ้น สามารถปรึกษา หรือขอคำแนะนำได้จากผู้จัดการพอร์ต หรือที่ปรึกษาด้านการลงทุน นักลงทุนใน Forex ต้องพึ่งพาตัวเองเป็นส่วนมาก การมีวินัยและศึกษาหาความรู้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นสิ่งนักลงทุนควรทำ เทรดเดอร์ในตลาด Forex หลายคน ยอมแพ้ตั้งแต่ช่วงแรก เพราะขาดทุน เนื่องจากขาดความรู้ในตลาดที่มากพอ
3. คุณสมบัติที่คนเทรด Forex ควรมี?
3.1 เป็นคนช่างคิด วิเคราะห์
สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้คุณเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คือ การเป็นคนช่างวิเคราะห์ สามารถคำนวนตัวเลขง่ายๆ ได้ เข้าใจเรื่องเปอร์เซ็นต์ และสัดส่วนความเสี่ยงต่อความสำเร็จ ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่สามารถฝึกได้
3.2 เป็นคนมีวินัย
คุณสมบัติอีกข้อที่คุณควรมี คือ วินัย คุณต้องทุ่มเทให้กับการเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคอร์สเรียนรู้ หรือศึกษาจากมืออาชีพคนอื่นๆ เหล่านี้เรียกร้องการมีวินัยจากตัวคุณเอง
3.3 อย่าหุนหันพลันแล่น
การหุนหันพลันแล่น เป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่จะสร้างปัญหาให้กับการเทรดของคุณ เพราะการจะเทรดตลาด Forex ให้ประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องอาศัยการเตรียมตัว และวางแผนในทุกๆ ครั้ง การกระโจนเข้าไปในตลาด โดยไม่ทำตามแผนการที่วางไว้ จะนำไปสู่ความล้มเหลว และทำให้การเทรดของคุณเป็นการพนันมากกว่าการค้า การไม่ใจร้อน จึงเป็นสิ่งที่มีอยู่ในตัวเทรดเดอร์หลายๆ คน
3.4 ไม่ปล่อยให้อารมณ์ควบคุมเรา
สิ่งสุดท้ายที่เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จหลายคนมี คือ พวกเขาเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ หรือแยกอารมณ์ออกไปจากการเทรด เทรดเดอร์ควรฝึกฝนการจัดการความเสี่ยงให้เชี่ยวชาญ ซึ่งหมายถึงสามารถควบคุมสติอารมณ์ และตัดสินใจอย่างเป็นเหตุเป็นผล ในขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับความเสี่ยงต่อการสูญเสีย หรือขาดทุน หรือความสามารถที่จะเทรด โดยใช้กลยุทธ์แบบเดิมได้ แม้ว่าจะเพิ่งขาดทุนก้อนใหญ่ๆ ไป
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply