กลยุทธ์ carry trade คืออะไร และมันทำงานอย่างไรบนตลาด Forex
ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การเทรดสกุลเงินสามารถเข้าถึงตลาดเงินได้ทั่วโลก และนักเทรดทั่วโลกต่างก็คิดกลยุทธ์มากมายขึ้นสำหรับการเทรดเพื่อทำกำไร carry trade ก็เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจากผู้บริหารกองทุนระดับสูงที่ร่วมกันคิดค้นขึ้นมา และกลยุทธ์นี้ก็เป็นกลยุทธ์เก่าแก่ที่ใช้กันมายาวนาน ซึ่งวันนี้เราจะมาเรียนรู้กันว่า carry trade คืออะไรและนำไปใช้กับการเทรดอย่างไร
ประวัติการใช้กลยุทธ์นี้ในการเทรด forex
ในช่วงปี 1990-1991 สหรัฐอเมริกาอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้อัตราดอกเบี้ยลดลง สกุลเงินดอลล่าร์ถูกใช้เพื่อการลงทุนในแถบเอเชียและลาตินอเมริกาเป็นหลัก แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจของอเมริกา ทำให้นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนเข้าทำการลงทุนกับสกุลเงินเยนในช่วงกลางปี 1990 โดยธนาคารแห่งญี่ปุ่นได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ จนกระทั่งปี 2008 สกุลเงินเยนเริ่มอ่อนค่าลง นักลงทุนจึงเริ่มหากำไรจากส่วนต่างจากอัตราดอกเบี้ยของคู่เงิน USD/JPY กล่าวคือนักลทุนเริ่มรู้จักการกู้ยืมเงินดอลล่าร์สหรัฐเพื่อมาซื้อเงินสกุลเงินอื่น
อีกตัวอย่างหนึ่งในช่วงปี 2000 – 2007 คู่เงิน AUD/JPY ได้เสนอค่าเฉลี่ยดอกเบี้ยประจำปีที่ 5.14% ดูผิวเผินแล้วเหมือนจะเป็นค่าตอบแทนที่น้อยมาก แต่ในตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ใช้เลเวอเรจสูง ๆ ที่ 200:1 สามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาล แม้จะใช้เลเวอเรจแค่ 5 หรือ 10 เท่า นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากพอสมควรแม้ค่าเงินจะอ่อนลงบ้างก็ตาม
จนกระทั่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2010 ส่งผลให้อัตราการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน AUD/USD เพิ่มขึ้นเกือบ 10% แต่เมื่อย้อนดูตัวเลขของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน AUD/USD รวมระหว่างปี 2001 – 2007 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 70% ด้วยยอดการทำกำไรถล่มทลายแบบนี้จึงทำให้ carry trade เป็นกลยุทธ์ที่นักลงทุนนิยมใช้กันมาอย่างยาวนาน
กลยุทธ์ Carry trade คืออะไร
Carry trade เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืมเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีอัตราผลกำไรสูง ซึ่ง carry trade จะเป็นการเล่นกับอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่าง โดยจะมีการแปลงสกุลเงินที่ยืมด้วยดอกเบี้ยไปเป็นสกุลเงินอื่น
ยกตัวอย่างเช่น เราได้กู้ยืมเงินด้วยสกุลเงินยูโรที่มีอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องจ่ายคืนอยู่ที่ 0.1% จากนั้นก็ได้นำเงินไปลงทุนที่ประเทศเม็กซิโกที่จะได้รับดอกเบี้ยคืนที่ 6% เมื่อคิดกำไรสุทธิแล้ว จะได้กำไรอยู่ที่ (6%-0.1%) 5.90% นี่คือการคิดผลตอบแทนที่เราจะได้รับ เมื่อใช้กลยุทธ์ carry trade ในการเทรดสกุลเงิน แต่ยังไม่ได้รวมถึงการภาษีและค่าคอมมิชชั่นที่เราจะต้องรับผิดชอบ หากเลือกโบรกเกอร์ที่คิดค่าคอมมิชชั่นต่ำเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งทำกำไรได้มากเท่านั้น
การเทรด Forex ด้วยกลยุทธ์ Carry trade
ภาพของการเทรด forex ด้วยวิธี carry trade เป็นภาพที่ชัดเจนถึงการซื้ออีกสกุลเงินหนึ่ง และมาขายต่อเพื่อทำกำไรในอีกสกุลเงินหนึ่ง เช่น เมื่อเราเลือกเทรดคู่เงิน EUR/USD แสดงว่า เราได้ซื้อสกุลเงินยูโร และทำการขายด้วยสกุลเงินดอลล่าร์
การเทรดด้วย carry trade คือ การถือ position ของคู่เงินนั้นข้ามวันข้ามคืน ทั้งถือไว้เพื่อทำการเก็งกำไรส่วนต่าง และทั้งถือไว้เพื่อทำกำไรจาก Swap ซึ่งการ swap จะเกิดจากการที่โบรกเกอร์ทำการปิดและเปิดสถานะใหม่ของเรา เราจะได้รับหรือเสียดอกเบี้ยส่วนต่างข้ามคืน
Swap ที่ได้กำไร – ยืมเงินจากสกุลเงินของประเทศที่เรียกเก็บดอกเบี้ยต่ำ จากนั้นก็นำไปซื้อสกุลเงินจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง และทำการขายเพื่อเก็งกำไร
Swap ที่ติดลบ ขาดทุน – ยืมเงินจากสกุลเงินของประเทศที่คิดดอกเบี้ยสูง และนำไปซื้อสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ ส่วนนี้นักเทรดจะต้องขาดทุนจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่ถือครองข้ามคืน เพราะจะขายออกยาก ทำให้ถือครองไว้นาน ยิ่งถือไว้นานก็ยิ่งต้องเสียค่า swap มากขึ้น
ดังนั้นการเทรดด้วยวิธี carry trade จะต้องรู้จังหวะการเข้าซื้อขายที่ดี เพื่อให้ได้กำไรส่วนต่างจากค่า Swap โดยส่วนใหญ่แล้วการได้ค่าส่วนต่างตรงนี้ เกิดจากการแข็งค่าของสกุลเงินที่เราถือครองด้วย เมื่อคิด ๆ ดูแล้วอาจจะมองว่าการรอกินกำไรจากส่วนต่างนั้นเหมือนจะได้กำไรน้อย แต่อย่าลืมว่าการเทรด forex นั้นเราสามารถเทรดด้วย leverage ได้ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเข้าลงทุนได้มากกว่าเงินจริงที่เรามีอยู่ ทำให้มีกำไรมากขึ้น และก็อาจจะขาดทุนได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน
ใช้ Carry trade ในการเทรด forex สามารถทำได้ 2 แบบ
แบบที่ 1 เทรดในโบรกเกอร์เดียวกัน
การใช้ carry trade ในการเทรดโบรกเกอร์เดียวกัน จะสามารถโอนเงินจากบัญชีที่มีเงินมาเข้าสู่บัญชีที่เงินติดลบได้ แต่เมื่อเทรดไปเรื่อย ๆ โบรกเกอร์อาจจะไม่ยอมให้ถอนเงินออกมาก็ได้หากเกิดการเปลี่ยนแปลงนโยบาย
แบบที่ 2 การเทรดในโบรกเกอร์ที่ต่างกัน
การ carry trade ข้ามโบรกเกอร์ จะไม่สามารถโอนเงินอีกบัญชีหนึ่งเข้าสู่บัญชีที่เงินติดลบได้ แต่จะสามารถถอนเงินที่เทรดออกมาได้ง่าย ๆ นักเทรดต้องคำนวณการติดลบให้ดีว่าจะสามารถรอการโอนเงินจากอีกโบรกเกอร์หนึ่งได้หรือไม่
ความเสี่ยงจากการใช้กลยุทธ์ Carry trade
หากเราเลือกที่จะกู้ยืมสกุลเงินจากประเทศที่คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยที่ไม่ศึกษาที่มาของการมีดอกเบี้ยต่ำ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์พลิกผันในอนาคตได้ เนื่องจากว่าบางประเทศอาจทำการลดอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำลง เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น และหากช่วงใดที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแล้ว อัตราดอกเบี้ยกลับสูงขึ้น ก็อาจจะทำให้เราไม่สามารถทำกำไรจากส่วนต่างของดอกเบี้ยได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงควรตรวจสอบค่าเงินและสาเหตุของอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำให้ชัดเจนด้วย มาสรุปเพิ่มเติมกันอีกสักหน่อยถึงความเสี่ยงของ carry trade มีอะไรบ้างที่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยง
-
การผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยน
-
ค่าธรรมเนียมจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
-
การขอกู้ยืมสกุลเงินต่างประเทศ
-
อัตราดอกเบี้ยที่สูง
สำหรับใครที่ใช้กลยุทธ์ carry trade จำเป็นที่จะต้องศึกษาหลักการและแนวทางในการใช้ให้รอบคอบ ควรตรวจสอบความเสี่ยงทั้ง 4 อย่างข้างต้นนี้ให้ดี ถึงการผันผวนของค่าเงิน ค่าธรรมเนียมที่ต้องให้โบรกเกอร์ การเลือกแหล่งกู้ยืมเงินต่างประเทศ และค่าอัตราดอกเบี้ยของสกุลเงินที่เราจะไปซื้อ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นพื้นฐาน
ข้อดีและข้อเสียของ Carry trade forex
ข้อดีของ Carry trade คือ การที่เราสามารถทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยที่ถือครองไว้ข้ามคืนได้ และหากใครสามารถที่จะบริหารการใช้ Leverage ได้ดี ก็สามารถที่จะเพิ่มขนาดการเทรดให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะสามารถลงทุนด้วยเงินจำนวนที่มากขึ้นได้ และสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
ข้อเสียของ Carry trade คือ การใช้ Leverage เพราะเราสามารถเลือกใช้ขนาด leverage ตามที่เราต้องการได้ หากเราเลือกขนาดใหญ่เกินไปและประมาทในการเลือกใช้งาน อาจเสี่ยงต่อการปิดพอร์ตได้แบบทันทีเมื่อเทรดพลาด นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย เพราะการเทรด forex จะมีการผันผวนของอัตราดอกเบี้ยตามสภาวะของตลาด อาจทำให้เราไม่สามารถคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงได้
การใช้กลยุทธ์ carry trade คือการกู้ยืมเงินจากอีกประเทศหนึ่ง เพื่อมาลงทุนทำกำไรจากอีกประเทศหนึ่ง เป็นการเก็งกำไรข้ามสกุลเงิน กำไรก็เกิดจากอัตราดอกเบี้ยที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน แม้ carry trade จะเป็นกลยุทธ์การเทรดที่มีมายาวนาน แต่ก็ยังสามารถทำกำไรให้กับนักเทรดในแต่ละยุคสมัยเสมอมา
ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ไหนก็ตาม เราก็ต้องศึกษาความเสี่ยงในการใช้งานให้ดี ว่ามีสิ่งใดบ้างที่เราควรพิจารณา และเลือกใช้ให้ตรงกับลักษณะสินทรัพย์ที่เราสนใจซื้อขาย การลงทุนเพื่อทำกำไรให้ได้มาก ก็ต้องรู้จักเลือกแหล่งลงทุนและรู้จักเลือกใช้เทคนิคสำหรับการลงทุนด้วย ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะได้เงินกำไรจากการลงทุน ดังนั้น carry trade จึงเป็นอีกกลยุทธ์พื้นฐานหนึ่งสำหรับนักลงทุนทุกคน
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply