ทำความรู้จักกับ SWING TRADE FOREX
ทำความรู้จักกับ SWING TRADE FOREX
ในปัจจุบันจะพบว่ามีผู้หันมาลงทุนกันใน FOREX มายิ่งขึ้น เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงไว ก็จะทำให้ผู้ลงทุนเห็นกำไรได้ไว ดังนั้นจึงมีวิธีใช้กลยุทธ์และทักษะต่างๆในการลงทุนมากยิ่งขึ้น ซึ่งวันนี้ทางเราจะทำมาความรู้จักกับเจ้าตัว SWING TRADE โดยในบทความนี้จะพาผู้อ่านได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
1.Swing TRADE คืออะไร2.พื้นฐานการเทรดแบบ SWING TRADE ว่าใช้อย่างไร
3.วิธีการใช้กลยุทธ์แบบ SWING TRADE
4.กลยุทธ์ SWING TRADE ที่เป็นที่นิยม
5.ข้อดีและข้อสียของ SWING TRADE
1.SWING TRADE คืออะไร
SWING TRADE คือ เทคนิคและกลยุทธ์ของการซื้อขายไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือ FOREX ก็ดี ซึ่งการเทรดแบบใช้กลยุทธ์ SWING TRADE นั้นส่วนใหญ่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการซื้อขายระยะสั้น ซึ่งการขายแบบสวิงนั้น ซึ่งผู้ที่ทำการลงทุนนั้นสามารถทำกำไรโดยไม่ต้องถือในระยาว ซึ่งกำไรที่เราจะได้มานั้น มันเป็นส่วนต่างของกราฟ หรือความผันผวนของตลาดนั้นๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นตลาดทองคำ FOREX ก็สามารถใช้ SWING TRADE ในการเทรดได้ ซึ่งรูปแบบการซื้อขายโดยใช้ SWING TRADE เป็นกลยุทธ์นั้น จะตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่าราคาตลาดที่ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเส้นตรง ซึ่งตรงจุดนี้เองทำให้ผู้เทรดสามารถหาโอกาสจากการแกว่งตัวของกราฟ เนื่องจากตลาดเปลี่ยนทิศทาง โดยการใช้ SWING TRADE จุดประสงค์หลักๆ ก็เพื่อเป็นการค้นหาโอกาสในการซื้อขาย โดยผู้เทรดนั้นสามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้วิเคราะห์แนวโน้มราคาว่าจะพุ่งขึ้น หรือพุ่งลง อีกทั้งยังสามารถนำไปวิเคราะห์แนวโน้มรูปแบบของตลาดได้อีกด้วย
2.พื้นฐานการเทรดแบบ SWING TRADE ว่าใช้อย่างไร

การซื้อขายแบบ SWING TRADE นั้น สิ่งแรกที่จะต้องคำนึงถึงคือ เวลาที่ทำการซื้อหรือการขาย โดยพื้นฐานแล้วมักจะพิจารณาจากการสวิงของกราฟที่แตกต่างกัน โดยที่เราจะซื้อที่จุดต้ำสุด หรือขายในราคาสูงที่สุด โดยผู้ที่จะทำการซื้อขายนั้นจะต้องพยายามที่จะจับความเคลื่อนไหสของราคาระหว่างที่อยู่ในช่วงที่ต่ำที่สุดและสูงที่สุด สำหรับกราฟในเทรนด์ขาขึ้น เราจะต้องซื้อจากจุดที่ต่ำที่สุดและปิดการขายในระดับสวิงที่สูง ส่วนในกราฟเทรนด์ขาลง เราจะต้องปิดการขายในระดับสวิงที่ต่ำ ซึ่งแน่นอนว่าการระบุจุดที่ต่ำที่สุดและจุดที่สูงที่สุดสามารถทำได้ยากในความเป็นจริง แต่เนวคิดของ SWING TRADE นั้นคือแนวคิดสำหรับการจับความเคลื่อนไหวของราคาซื้อหรือขายให้ได้มากที่สุด ซึ่งกลยุทธ์ SWING TRADE นั้นถือว่าเป็นวิธีที่ง่ายในการดูทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาด และเหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการซื้อขายนั้นสามารถจะเอาปรับใช้ได้กับหลายตลาด เช่น FOREX และหุ้น เป็นต้น ซึ่งหัวข้อถัดไปจะกล่าวถึงวิธีการใช้กลยุทธ์แบบ SWING TRADE
3.วิธีการใช้กลยุทธ์แบบ SWING TRADE

ต่อไปนี้ทางบทความจะกล่าวถึงขั้นตอนการใช้งานกลยุทธ์ SWING TRADE ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง โดยจะช่วยให้ผู้อ่านได้เข้าใจแนวคิดของการใช้กลยุทธ์นี้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามวิธีที่ดีที่สุดคือเราจะต้องทำการหมั่นฝึกฝนเพื่อให้เกิดความพัฒนาและเชี่ยวชาญให้ได้มากที่สุด
1.ต้องทำการระบุแนวโน้มของภาพรวมของตลาดเป็นอันดับแรกว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือแนวโน้มขาลง ซึ่งเราจะต้องกำหนดกรอบเวลาของกราฟที่เราดู เช่น รายเดือนหรือรายอาทิตย์2.ต้องทำการหาสัญญาณกลับตัวของกราฟ ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเราต้องทำการจับจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดและใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาด เช่น มีการเพิ่มขึ้นของระดับต่ำสุดหลังจากที่เป็นขาลงมานานนั้น ย่อมเป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังจะมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งผู้ซื้อขายนั้นมักจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ในการกำหนดจุดซื้อหรือจุดขายนั้นเอง
3.เมื่อเราหาสัญญาณกลับตัวได้แล้ว เราก็ต้องระบุจุดเริ่มต้นที่เราจะทำการซื้อ โดยจะต้องกำหนดกรอบเวลาที่สั้นลงเพื่อคุณหาจุดเริ่มต้น
4.กำหนดเป้าหมายและกำไรที่เราต้องการ ส่วนใหญ่นักเทรดนั้นจะพยายามใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาด ซึ่งเราต้องกำหนดแนวรับและแนวต้าน โดยวิเคราะห์จากปัจจัยต่างๆคือ รูปแบบของกราฟ ปริมาณการซื้อขายและความเชื่อมั่นของตลาดในขณะนั้น
5.การทำ STOP LOSS การหยุดขาดทุนเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆในการซื้อขายใดๆก็ตามไม่ว่าจะเป็นหุ้น หรือ FOREX ซึ่งในการใช้กลยุทธ์การซื้อขายแบบสวิง จะต้องมีการนำ STOP LOSS เข้ามาใช้เพื่อหยุดการขาดทุน ซึ่งโดยปกติแล้วเราควรจะ STOP LOSS ไว้ที่ 2-5 เปอร์เซ็นของจำนวนการเทรด แต่ท้ายที่สุดแล้วผู้เทรดจะต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะทำการ STOP LOSS ที่จุดไหน โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงที่ตัวผู้เทรดนั้นยอมรับได้ และสภาวะตลาดขณะนั้น
สรุปก็คือกลยุทธ์ SWING TRADE เป็นกลยุทธ์ที่สามารถใช้ได้ทั้งระยะยาวและระยะสั้น แต่โดยส่วนมากนั้นมักจะถูกนำมาใช้ในระยะสั้นมากกว่า ซึ่งผู้เทรดนั้นจะต้องฝึกฝนและเรียนรู้การวิเคราะห์ตลาดว่ามีแนวโน้มเป็นอย่างไร รวมถึงวินัยในตนเองอีกด้วย
4.กลยุทธ์ SWING TRADE ที่เป็นที่นิยม
ทางบทความจะกล่าวถึงกลยุทธ์ SWING TRADE ที่เป็นที่นิยมทั่วโลกด้วยกัน โดยมีทั้งหมด 2 ประเภทนั่นก็คือ
1.TREND TRADING2.BREAKOUT TRADING
3.TREND TRADING

TREND TRADING คือการเทรดตามแนวโน้ม เป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่อาศัยตัวชี้วัดทางเทคนิคเพื่อที่จะทำการระบุทิศทางหรือแนวโน้มของตลอดว่าจะไปในทิศทางใด ซึ่งการใช้กลยุทธ์แบบ SWING TRADE นั้นเราต้องมองหา TREND หรือแนวโน้มโดยใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนไปของกราฟ ว่ากราฟมีแนวโน้มต่ำลงหรือสูงขึ้น ซึ่งผู้เทรดจะต้องเข้าซื้อตามแนวโน้มที่ตัวเองกำหนดและเชื่อว่าตลาดจะเป็นไปตามแนวโน้มที่ตัวเองตั้งไว้ ว่าตลาดจะไปถึงจุดที่สูง รวมถึงแนวโน้มที่ว่าราคาตลาดจะไปถึงระดับที่ต่ำลงที่สุด และก็ควรจะทำการขายเมื่อมีการกลับตัวของกราฟแล้ว ส่วนเครื่องมือที่จะนำไปวิเคราะห์ทางเทคนิคได้นั้น ที่ได้รับความนิยมในการเทรดแบบ TREND TRADING ได้แก่ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ RSI และดัชนีทิศทางเฉลี่ย
1)BREAKOUT TRADING

การเทรดแบบ BREAKOUT TRADING เป็นกลยุทธ์ที่เข้าซื้อให้เร็วที่สุดภายในแนวโน้มของตลาดที่เรากำหนดขึ้น โดยการใช้ BREAKOUT TRADING นั้นจะใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของตลาด โดยจะต้องมองหาจุดที่กราฟทำการ SWING หรือกำลังแยกตัวออกจากช่วงที่มีการซื้อขาย หรือที่เราเรียกว่า แนวรับและแนวต้านนั่นเอง การซื้อขายประเภทนี้นั้น ผู้เทรดต้องทราบแนวโน้มหรือโมเมนตัมของตลาดว่ามีความแข็งแร่งหรืออ่อนแอมากเพียงใด ซึ่งการใช้ BREAKOUT TRADING นั้นจะต้องคำนวนจากปริมาณการซื้อขายในช่วงเวลานั้นๆ
2)ข้อดีและข้อเสีย SWING TRADE
-
ข้อดี
2.มีโอกาสในการทำกำไรที่สูงขึ้น เพราะการเทรดแบบนี้นั้นมันเอื้อให้ผู้เทรดใช้เวลาในการศึกษาและไตร่ตรอง ซึ่งมันทำให้มีโอกาสผิดพลาดน้อยลงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นนั่นเอง
3.ผู้เทรดสามารเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรระยะสั้นให้สูงสุดด้วยการจับความผันวนของตลาด
4.ผู้เทรดสามารถที่จะวิเคราะห์ขั้นตอนการซื้อขายได้ง่ายขึ้น
-
ข้อเสีย
1.ยากที่จะหาเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อหรือขาย เนื่องจากเราดูเป็นแนวโน้มของตลาด ทำให้ต้องดูหลายๆปัจจัยไม่ว่าจะเป็น กรอบเวลา แนวรับหรือแนวต้านเป็นต้น
2.การเทรดแบบ SWING TRADING ไม่ได้เหมาะกับตลาดทุกประเภท เช่นบางตลาดไม่ได้มีการผันผวนที่มากนัก ทำให้เราไม่ได้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจน ในการที่จะกำหนดจุดเข้าซื้อหรือจุดขาย
3.การเทรดแบบ SWING TRADE นั้นถูกกว่าแบบ DAY TRADE ก็จริงแต่เมื่อคำนวนค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมต่างๆ ก็ยังแพงกว่าการซื้อขายระยะยาวทางผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้อ่าน โดยสามารถนำกลยุท์ที่ผู้เขียนได้เขียนมาข้างต้นและนำไปปรับใช้ให้เข้าตัวเอง เพื่อสร้างกำไรสูงสุดกันเถอะ
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply