ทำความรู้จักกับเงินปันผลและหุ้น 5 ตัวที่มอบเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
การลงทุนถือหุ้นในตลาดหุ้นนั้น นักลงทุนสามารถเลือกเก็งกำไรหุ้นระยะสั้นหรือระยะยาว ตามความต้องการและความกำลังที่สามารถซื้อขายหุ้น ทั้งนี้ การเลือกซื้อหุ้นโดยการวัดจากการจ่ายเงินปันผลของบริษัทต่างๆ ถือได้ว่าเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่นักลงทุนต้องการลงทุนระยะยาว และต้องการเลือกลงทุนหุ้นจากบริษัทที่มั่นคง มีเสถียรภาพ อีกทั้งเงินปันผลยังสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าพอร์ทหุ้นอีกด้วย บทความนี้จึงขอนำเสนอเกร็ดข้อมูลเกี่ยวกับเงินปันผล ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. เงินปันผลคืออะไร? และตัวอย่างของเงินปันผลมีอะไรบ้าง?
1.1 นิยามเงินปันผล
“เงินปันผล” หมายถึง รายได้ซึ่งเป็นกำไรสุทธิหรือทุนสำรองสะสมของบริษัท ที่ผู้บริหารของบริษัทร่วมกันตัดสินใจว่าจะนำมามอบปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลเป็นค่าตอบแทนผกผันตามจำนวนหุ้นที่ถือไว้ในครอบครองในแต่ละรอบปี รอบเดือน ไตรมาส หรือตามวาระพิเศษก็ได้ ซึ่งเงินปันผลนั้นมีหลายประเภท ตามแต่นโยบายของบริษัทที่อาจกำหนดไว้ได้แตกต่างกันออกไป เงินปันผลที่นักลงทุนได้รับไม่จำเป็นจะต้องได้รับเป็นเงินสดเสมอไป อาจจะเป็นรูปแบบหลักทรัพย์, พันธบัตรรัฐ, เงินปันผลหุ้น หรือเงินปันผลแบบพิเศษก็ได้ ซึ่งในประเทศไทยพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 มาตรา 115 ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า จะต้องนำกำไรมาจ่ายเป็นเงินปันผลเท่านั้น
1.2 ตัวอย่างของเงินปันผล และเงินปันผลหุ้น
คณะผู้บริหารของแต่ละบริษัทสามารถกำหนดอัตราเงินปันผลให้แตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับประเภทอุตสาหกรรมและความคล่องตัวของบริษัท ตัวอย่างแรก บริษัทสามารถกำหนดจ่ายเงินปันผล 10% ต่อหุ้น รายปี หากหุ้นของบริษัทมีราคา 50 บาท นักลงทุนจะได้รับเงินปันผลจำนวน 5 บาทต่อหุ้น ส่วนตัวอย่างที่สอง บริษัทสามารถจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินปันผลหุ้น 2 หุ้นต่อหุ้นให้นักลงทุนถือไว้แทนเงินสด
2. เงินปันผลมีกลไกอย่างไร?
เงินปันผลจะจ่ายตามจำนวนหุ้นที่ผู้ถือหุ้นมีไว้ในครอบครอง ตามที่อธิบายไว้เบื้องต้น บริษัทสามารถเลือกที่จะจ่ายเงินปันผลในรูปแบบ เช่น “เงินสด” โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลเป็นเงินสดเข้าในบัญชีที่ลงทุนไว้โดยตรง, “เงินปันผลหุ้น” โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับหุ้นเพิ่ม(แทนเงินสด)ตามจำนวนหุ้นที่มีครอบครองไว้แล้ว, “เงินปันผลในรูปแบบการลงทุนซ้ำ” โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับสิทธิในการนำเงินปันผลมาลงทุนซื้อหุ้นบริษัทซ้ำในราคาพิเศษ, “เงินปันผลพิเศษ” โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลพิเศษเป็นครั้งคราวในกรณีนี้บริษัทได้ทำกำไรสะสมมาได้ระยะยาว ซึ่งอาจจะเป็นการจ่ายเงินปันผลครั้งแรกในรอบ 5 ปี หรือ 10 ปีก็ได้ หรือ “หุ้นบุริมสิทธิ” โดยผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลหุ้นเป็นหุ้นบุริมสิทธิแทน
3. วันครบกำหนดจ่ายเงินปันผลที่สำคัญ: ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลจำนวนกี่ครั้ง?
โดยทั่วไปแล้วไม่มีกฎหมายบังคับว่าแต่ละบริษัทจะต้องจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น ซึ่งบางบริษัทอาจจะไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลเลยก็ได้ ในกรณีที่บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลจำนวนกี่ครั้งต่อปีขึ้นอยู่กับผลประกอบการ, แผนทางธุรกิจในอนาคต หรือกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งผู้บริหารอาจจะอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นรายปี, รายครึ่งปี, ไตรมาส, หรือ รายเดือน หรือนาน ๆ ครั้งก็เป็นได้ ในประเทศไทยคณะผู้บริหารนิยมอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นรายปี และระหว่างกาลในรอบปีบัญชีเท่านั้น
การถือครองหุ้นตามรอบระยะที่บริษัทกำหนดไว้นั้นสำคัญมาก ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่านักลงทุนจะได้รับเงินปันผลหรือไม่ได้รับเลยก็ได้ นักลงทุนจะต้องตรวจสอบวันเดือนปีในการซื้อขายให้ถี่ถ้วนกับตลาดหลักทรัพย์ และควรทำความรู้จักวันต่าง ๆ ในการถือหุ้นเพื่อให้ได้เงินปันผล ดังต่อไปนี้
3.1 วันประกาศจ่ายเงินปันผล(Announcement Date)
วันประกาศจ่ายเงินปันผล หมายถึง วันที่ผู้บริหารบริษัทประชุมผู้ถือหุ้นประกาศอนุมัติการจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะประกอบไปด้วยจำนวนเงินปันผลต่อหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นตามรายการในทะเบียนผู้ถือหุ้น
3.2 วันกำหนดรายชื่อ(Record Date)
วันกำหนดรายชื่อ หมายถึง วันที่บริษัทกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อนำไปรวบรวมรายชื่อตามสมุดทะเบียนในวันถัดไป
3.3 วันที่สิทธิในการรับเงินปันผลเป็นของเจ้าของเดิม(Ex-Dividend Date)
วันที่สิทธิในการรับเงินปันผลเป็นของเจ้าของเดิม หมายถึง วันที่ผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับเงินปันผลจากหุ้นที่ถือไว้ ผู้ลงทุนใหม่ที่ซื้อขายหุ้นในวันนี้จะไม่สามารถรับเงินปันผลได้
3.4. วันจ่ายเงินปันผล(Payment Date)
วันจ่ายเงินปันผล หมายถึง วันที่บริษัทจะจ่ายเงินปันผลตามชนิดการปันผล, อัตราการจ่ายเงินปันผล และวันที่จ่ายเงินปันผล และข้อมูลอื่น ๆ ตามที่บริษัทกำหนดไว้
โดยเฉพาะวันที่สิทธิในการรับเงินปันผลเป็นของเจ้าของเดิม และวันกำหนดรายชื่อตามสมุดทะเบียนในวันถัดไปนั้นสำคัญมาก ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นตัวชี้วัดว่านักลงทุนจะได้รับเงินปันผลเท่าไหร่และอย่างไร เช่น นักลงทุนจะต้องซื้อหุ้นก่อนวันสิทธิในการรับเงินปันผลเป็นของเจ้าของเดิมเสมอ หากนักลงทุนซื้อในวันนี้ นักลงทุนจะไม่มีสิทธิรับเงินปันผลเลยทันที
4. รายได้จากเงินปันผลคืออะไร?
รายได้เงินปันผล คือ รายได้ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับจากกำไรสะสมหรือทุนสะสมของบริษัทที่ได้ลงทุนไว้ โดยบริษัทจะแบ่งจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุนในกรณีที่บริษัททำกำไรสะสมได้จำนวนหนึ่ง และต้องการที่จะคืนกำไรหรือตอบแทนความเชื่อใจให้กับผู้ถือหุ้นที่ได้ลงทุนกับบริษัทไว้ และอีกส่วนหนึ่งจะนำไปลงทุนต่อยอดกิจการ(ในกรณีที่บางบริษัทไม่มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลหรือบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง ก็จะนำกำไรสะสมไว้ต่อยอดธุรกิจ) หรือบางบริษัทแม้จะไม่ทำกำไรก็สามารถจ่ายเงินปันผล เพื่อรักษาสมดุลทางการเงินของบริษัทก็ย่อมทำได้
ทั้งนี้ นักลงทุนจะที่ทำรายได้จากการได้รับเงินปันผลที่บริษัทต่าง ๆ ตอบแทนให้จากการถือหุ้นของบริษัท หรือการถือกองทุนรวมดัชนี (Exchange Traded Fund) นักลงทุนควรคำนึงถึงการเสียภาษีอากรทุกครั้ง ตามกฎหมายภาษีอากรของประเทศที่ตนมีถิ่นที่อยู่อาศัย เช่น ประเทศไทย กรณีบุคคลธรรมดา ประมวลกฎหมายรัษฎากรได้กำหนดไว้ถึงเงินปันผลของผู้ลงทุนไทยและผู้ลงทุนต่างประเทศที่ประกอบกิจการไว้ว่า จะต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% เสมอ โดยมีข้อยกเว้นว่า นักลงทุนที่ได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน(BOI) จะได้รับการยกเว้นภาษีฯ
5. เมื่อใดที่ผู้ถือหุ้นถึงจะได้รับเงินปันผล? บริษัทใดบ้างที่จ่ายเงินปันผล
นักลงทุนควรศึกษาก่อนว่าพื้นฐานบริษัทประเภทใดที่สามารถให้ผลตอบแทนเงินปันผล ทั้งนี้การเลือกลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมบางประเภทก็มีผลต่อการได้รับเงินปันผลเช่นกัน โดยเฉพาะหากบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูงและต้องใช้เงินทุนสูงในการต่อยอดทำธุรกิจตลอดเวลา บริษัทเหล่านี้อาจไม่สามารถจ่ายผลตอบแทนเป็นเงินปันผลเลยก็ได้ เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง, อุตสาหกรรมอวกาศ, อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ หรือธุรกิจสตาร์ทอัพ เป็นต้น
บริษัทประเภทที่มีรายได้สม่ำเสมอและมั่นคงมักจะเป็นตัวเลือกแรกของนักลงทุนที่ต้องการได้รับผลตอบแทนเงินปันผลเสมอ เพราะบริษัทเหล่านี้มักไม่ต้องนำเงินไปลงทุนต่อยอดซ้ำ ทำให้สามารถนำกำไรสะสมหรือทุนสะสมบริษัทมาตอบแทนผู้ถือหุ้นได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย เช่น อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุพื้นฐาน, อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ, อุตสาหกรรมบริการทางการเงิน(FinTech), อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์, บริษัทจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
6. วิธีคำนวณอัตราเงินปันผลตอบแทน?
วิธีคำนวณอัตราเงินปันผลตอบแทน?
นักลงทุนควรที่จะต้องศึกษาอัตราเงินปันผลตอบแทน(Dividend Yield)ก่อน
สูตรอัตราเงินปันผลตอบแทน คือ “อัตราเงินปันผลตอบแทน(%) = (เงินปันผลต่อหุ้นประจำปี / ราคาหุ้น) x 100” ผลลัพธ์บ่งบอกถึงจำนวนเงินปันผลที่บริษัทจะตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้นเป็นเปอร์เซ็นต์ ซึ่งนักลงทุนสามารถดูอัตราเงินปันผลตอบแทนของบริษัท ว่าหากนักลงทุนซื้อหุ้นในราคาหนึ่ง ๆ แล้วจะได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลจำนวนเท่าไหร่ และสามารถนำอัตราฯดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจการลงทุนต่อไป
ตัวอย่างการคำนวณ หุ้นบริษัท ก. มีราคา 15 บาทต่อหนึ่งหุ้น บริษัทฯตอบแทนเงินปันผลปีละ 2 บาทต่อหุ้น อัตราเงินปันผลตอบแทนของบริษัท ก. อยู่ที่ 13%
การศึกษาอัตราเงินปันผลตอบแทนนั้น นักลงทุนควรย้อนดูงบการเงินย้อนหลังควบคู่ไปด้วยว่าในแต่ละปีบริษัทนึงมีอัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด การที่บริษัทฯมีอัตราฯที่คงที่ ในแต่ละปีไม่โดดสูงมากไปหรือน้อยเกินไป ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่านักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่มั่นคง
7. หุ้น 5 ตัวที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสุด (หุ้นต่าง ๆ ที่มอบเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น)
ข้อมูลอ้างอิงจากตลาดหลักทรัพย์อเมริกัน Nasdaq หุ้น 5 ตัวที่น่าสนใจในประเภทอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่มอบเงินปันผลสูงมีดังนี้
7.1 หุ้น XOM – Exxon Mobil Corporation
อัตราเงินปันผลตอบแทนจำนวน 5.8% เงินปันผลต่อปีมูลค่า $3.48 ต่อหุ้น
7.2 หุ้น GILD – Gilead Sciences, Inc.
อัตราเงินปันผลตอบแทนจำนวน 4.21% เงินปันผลต่อปีมูลค่า $2.84 ต่อหุ้น
7.3 หุ้น WMT - Walmart Inc.
อัตราเงินปันผลตอบแทนจำนวน 1.62% เงินปันผลต่อปีมูลค่า $2.2 ต่อหุ้น
7.4 หุ้น CVS – CVS Health Corporation
อัตราเงินปันผลตอบแทนจำนวน 2.4% เงินปันผลต่อปีมูลค่า $2 ต่อหุ้น
7.5 หุ้น UL – Unilever
อัตราเงินปันผลตอบแทนจำนวน 3.4% เงินปันผลต่อปีมูลค่า $2.044 ต่อหุ้น
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply