เตรียมลงทุนกับกองทุน ต้องรู้ 5 สิ่งนี้
หลายคนอาจมองว่า การลงทุน “กองทุนรวม” หรือ Mutual Fund เป็นเรื่องที่ยุ่งยากซับซ้อน เพราะต้องศึกษาหาความรู้มากมายเข้าใจยาก ยิ่งใครที่ไม่ได้ทำงานสายที่ยุ่งเกี่ยวกับการเงินหรือการลงทุน ก็ยิ่งคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวและเป็นเรื่องยาก แต่การลงทุนกับกองทุนรวม เป็นสิ่งที่คนไม่ถนัดในเรื่องการลงทุนให้ความสนใจ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และสามารถช่วยให้เราเริ่มลงทุนได้เลยแม้จะเป็นมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ก็ตาม
ทำไมต้องลงทุนกับกองทุนรวม
กองทุนรวม เหมาะสมหรับที่ยังไม่รู้ว่าจะนำเงินเก็บออมของตัวเองไปลงทุนอะไรดี เพื่อให้เงินงอกเงยเติบโตขึ้นมา ในขณะที่บางคนเก็บเงินไว้สำหรับทำธุรกิจเล็ก ๆ หรือนำไปดาวน์บ้านดาวน์รถ แต่ใครที่ไม่รู้จะลงทุนอะไรดีก็แนะนำให้มาลงทุนระยะยาวกับกองทุนรวมจะดีกว่า เพราะใช้เงินลงทุนน้อยมากและมีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลบริหารเงินลงทุนของเราด้วย อีกทั้งเรายังจะได้เลือกระดับความเสี่ยงที่เราสามารถรับมือได้ด้วยตัวเอง
การลงทุนกับกองทุนรวม เราจะสามารถเลือกสินทรัพย์ที่เราต้องการจะลงทุนได้เองตามความสนใจของเรา และมีผู้ให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนตลอด การลงทุนประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในการลงทุน ผู้ที่เริ่มต้นอยากจะลงทุน และไม่ค่อยมีเวลาติดตามเรื่องราวข่าวสารมากนัก แน่นอนว่าการลงทุนสามารถที่จะสร้างกำไรให้ได้มากกว่าการออมเงินไว้ในธนาคารเฉย ๆ
5 วิธีเตรียมตัวลงทุนกับกองทุน
อย่างไรก็ตาม การลงทุนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน การเตรียมตัวให้ดีก่อนก็ดีกว่าเสมอ วันนี้เราจะมาเรียนรู้ถึง 5 สิ่งสำคัญที่มือใหม่หัดลงทุนอย่างเราควรรู้ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมกับการเริ่มต้นลงทุนกับกองทุนรวม เรามาเริ่มกันเลย
1.ต้องรู้ว่ากองทุนมีสินทรัพย์แบบไหน และเราต้องการลงทุนกับอะไรก่อนที่เราจะเริ่มลงทุนกับกองทุน เราต้องสำรวจตัวเองให้ดีก่อนว่า เราต้องการอะไรจากการลงทุนของเรา และเราสนใจจะลงทุนกับสินทรัพย์รูปแบบไหน เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ หุ้นไทยหรือหุ้นต่างชาติ เมื่อเราตัดสินใจได้แล้วว่าสนใจลงทุนกับสินทรัพย์ไหนแล้ว ก็ลองสำรวจเงินทุนของตัวเองก่อนว่า เงินที่เราจะใช้ลงทุนกับสินทรัพย์นี้นั้นเป็นเงินที่ปลอดหนี้สิน และเมื่อลงทุนด้วยเงินก้อนนี้แล้ว เรามีเงินเหลือใช้เพียงพอ
การเลือกสินทรัพย์ที่จะลงทุนนั้น ไม่ใช่เพียงเพราะเราชอบเท่านั้น แต่ต้องสอดคล้องกับจำนวนเงินทุนที่เรามีอยู่ด้วย เนื่องจากว่า การลงทุนกับกองทุนรวมนั้น ไม่สามารถที่จะได้เงินปันผลหรือสร้างกำไรให้กับเราได้แบบทันที อาจจะต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ เพื่อจะได้ผลตอบแทน นอกจากนี้เรายังจะต้องสำรวจตัวเองว่า เราสามารถรับความเสี่ยงที่เกิดจากประเภทของกองทุนที่เราเลือกได้มากน้อยเพียงใด เราจะต้องทำความเข้าใจรูปแบบการได้ผลตอบแทนและความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภทให้ดีด้วย ก่อนที่จะเริ่มตัดสินใจลงทุน
หากตัดสินใจได้แล้วว่าตัวเองต้องการลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทไหน ก็มาเริ่มซื้อกองทุนกันเลย
2.ขั้นตอนการซื้อกองทุนรวมเพื่อการลงทุนก่อนอื่นให้เราเข้าไปสอบถามพูดคุยกับธนาคารที่เราไว้วางใจที่จะลงทุนด้วย และพนักงานจะสอบถามข้อมูลและทำแบบประเมินที่เรียกว่า Suitability Test เพื่อที่เราจะสามารถเข้าใจถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากการลงทุน ซึ่งจะมีหลากหลายระดับแตกต่างกันออกไป โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้คำปรึกษาและแนะนำกองทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่เราสามารถยอมรับได้ตามแบบประเมินที่เราทำ ซึ่งเราจะได้ดูรายละเอียดแต่ละกองทุนผ่านเอกสารที่ชื่อว่า Fund Fact Sheet ที่จะบอกให้เรารู้ว่ากองทุนนั้น ๆ มีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง
โดยเราจะต้องรู้ว่าเงินทุนของเรานั้นจะนำไปลงทุนกับอะไร จ่ายผลตอบแทนเท่าไหร่ ขนาดของกองทุนใหญ่แค่ไหน จะสามารถซื้อขั้นต่ำได้เท่าไหร่ รวมถึงมีค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง อีกอย่างเราจะต้องรู้ด้วยว่า กองทุนนี้มีอายุเท่าไหร่และมีสภาพคล่องเป็นอย่างไร ยิ่งสอบถามข้อมูลเยอะ ๆ ก็ยิ่งมีประโยชน์กับตัวเอง เพื่อเราจะได้รู้แนวโน้มของกองทุนได้ชัดเจนมากขึ้น หากตัดสินใจได้แล้วให้เราซื้อกองทุนได้เลย โดยจะต้องกรอกเอกสารดังต่อไปนี้
-
ใบขอเปิดบัญชีกองทุน
-
เอกสารแจ้งสถานะว่าเป็นชาวอเมริกันหรือไม่
-
ใบสั่งซื้อกองทุน
-
เอกสารแสดงคุณสมบัติของผู้ลงทุน และลงนามยอมรับความเสี่ยง
-
แบบฟอร์มการทำรายการซื้อหน่วยลงทุน ประเภทสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (ถ้ามี)
-
แบบประเมินความรู้และความสามารถในการร่วมลงทุน
-
สำหรับ บลจ. LH Fund จะต้องมีใบคำขอออกสมุดบัญชีแสดงสิทธิในการลงทุน
3.อย่าลืมตรวจสอบเอกสารที่เราจะได้รับกลับมาจากเจ้าหน้าที่ธนาคาร
หลังซื้อกองทุน ซึ่งเราจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้ดี เพราะเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยยืนยันถึงการลงทุนของเรา เอกสารทั้งหมดที่จะได้รับคือ
-
หนังสือ Fund Fact Sheet
-
สำเนาใบคำสั่งซื้อหน่วยการลงทุน
-
ใบเสร็จบันทึกรายการ
-
สมุดบัญชีแสดงสิทธิในกองทุน หรืออาจจะได้ผ่านออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่นหรือ internet banking
-
เอกสารการซื้อหน่วยลงทุนประเภมสิทธิประโยชน์ด้านภาษี เพื่อเป็นหลักฐานสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เกอสารตัวนี้สำคัญมากสำหรับใครที่ลงทุนกับกองทุน LTF/RMF
หลังได้รับเอกสารเหล่านี้แล้วก็ถือว่าสิ้นสุดการซื้อกองทุน แต่อย่าเพิ่งชะล้าใจเพราะการเริ่มต้นลงทุนเพิ่งจะเริ่มขึ้น ถึงแม้ว่ากองทุนรวมจะมีผู้เชี่ยวชาญดูแลการลงทุนของเราอยู่เสมอก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะสามารถได้ผลกำไรหรือผลตอบแทนที่ดี เราจึงควรที่จะเริ่มต้นวางแผนการลงทุนของเราต่อไปอยย่างสม่ำเสมอ
4.รู้จักวางแผนการเงินเพื่อการลงทุนอย่างมีระบบ ให้สามารถลงทุนได้ทุกเดือนนี่คือขั้นตอนสำคัญหลังจากที่เราได้ทำการซื้อกองทุนเรียบร้อยแล้ว เพราะไม่มีการลงทุนใด ๆ ที่ไม่หวังผลประโยชน์อย่างแน่นอน เราควรที่จะกลับมาวางแผนการลงทุนของเราว่า จะทำอย่างไรถึงจะได้สามารถลงทุนเพิ่มอีกได้ หากมีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นทุกเดือนได้ก็ยิ่งทำให้การผันผวนของราคาหน่วยการลงทุนนั้น ๆ ต่ำลง เรียกวิธีนี้ได้ว่า DCA หรือ Dollar cost average
ปัจจุบันทุกธนาคารมีระบบการลงทุนกองทุนผ่าน Mobile Banking ซึ่งเราสามารถซื้อกองทุนได้ทุก ๆ เดือนโดยไม่จำเป็นต้องเดือนทางไปธนาคารอีก
การวางแผนลงทุนกับกองทุนควรที่จะศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของค่าธรรมเนียมให้ดีด้วย เนื่องจากกองทุนที่มีค่าธรรมเนียมสูงก็ยิ่งทำให้เราได้ผลตอบแทนน้อยลง ให้เราคำนวณค่าธรรมเนียมอย่าง Front-end fee หรือค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน, Back-end fee หรือค่าธรรมเนียมรับซื้อคืนหน่วยลงทุน, Management fee หรือค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการ และอื่น ๆ เช่น ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน
ค่าธรรมเนียนเหล่านี้สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเอกสาร Fund Fact Sheet โดยค่าธรรมเนียมนี้มีผลต่อผลกำไรจากการลงทุนโดยตรงขอให้เราศึกษาให้ดี และวางแผนอย่างเป็นระบบว่าควรจะบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งสามารถเข้าไปรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ธนาคารได้ตลอด
5.รู้จักตรวจสอบแผนการลงทุนอย่างมีวินัย
เมื่อเสร็จสิ้นการวางแผนรายเดือนอย่างมีระบบไปแล้ว ลำดับต่อไปก็คือการตรวจสอบแผนการลงทุนเป็นประจำ นักลงทุนต้องรู้จักตรวจสอบแผนการลงทุนของตัวเองอย่างน้อย ๆ ก็ 3 เดือน เพื่อดูว่าแผนการของเรานั้นสร้างผลตอบแทนให้เราได้มากน้อยเพียงใด การลงทุนของเราเป็นไปตามแผนการที่วางไว้หรือไม่ และเราเข้าใจสถานการณ์การลงทุนของเราหรือไม่ ซึ่งเราคววรติดตามข่าวสาร อย่างเช่น การเมือง เศรษฐกิจ และแนวโน้มของธุรกิจสินทรัพย์ที่เราเลือก เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกองทุนที่เราลงทุน
การตรวจสอบผลการลงทุน NAV อยู่เสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนได้ ขาดทุนน้อยลงและมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า ดังนั้นหลังจากซื้อกองทุนแล้วก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ หรือปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้อย่างนั้น แต่ควรกลับมาตรวจสอบผลดำเนินการอย่างมีวินัย
ทั้ง 5 ขั้นตอนนี้เป็นเพียงพื้นฐานเบื้องต้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ ที่ต้องทำความเข้าใจและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเริ่มต้นลงทุน การลงทุนกับกองทุนรวมตามเพื่อน ๆ โดยไม่สนใจศึกษาทำความเข้าใจก็อาจจะทำให้การลงทุนของเราสูญเปล่าไป หากใครสนใจที่จะเริ่มลงทุนกับกองทุนรวมและศึกษาข้อมูลมามากพอแล้ว ก็เริ่มลงทุนแบบไร้กังวลได้เลย
การลงทุนกับกองทุนรวมนั้นเป็นการลงทุนที่ทุกคนสามารถทำได้ แม้ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน อีกทั้งเราไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อการลงทุน อีกทั้งยังเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลงทุนเพื่ออนาคตชีวิตเกษียณหรือลดหย่อนภาษี
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply