อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) คืออะไรและสำคัญอย่างไร
ปัจจัยพื้นฐานสำหรับนักลงทุนนั้น แน่นอนว่าคืองบประมาณและกำไรหลังการลงทุน สำหรับคำว่า อัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM นี้เป็นคำที่ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่รู้จัก เพราะเป็นสิ่งที่นักลงทุนมักใช้ในการวิเคราะห์กิจการเพื่อตรวจสอบหากำไรจากการลงทุน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับอัตรากำไรขั้นต้นว่ามันคืออะไรกันแน่และมีความสำคัญอย่างไรต่อการลงทุนบ้าง
อัตรากำไรขั้นต้น คืออะไร
อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คือ การวัดอัตราส่วนเปรียบเทียบผลกำไรขั้นต้นกับยอดขาย กล่าวคือ ยอดขาย - ต้นทุนขาย = กำไรขั้นต้น แล้วหากเรานำกำไรขั้นต้นนี้มาเทียบเป็นสัดส่วนต่อ 100 แล้วจะอยู่ที่เท่าไหร่ หรือเพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ หากเราขายสินค้า 100 บาท แล้วเมื่อหักต้นทุนของสินค้าแล้วจะเหลือกำไรกี่บาทนั่นเอง
กำไรขั้นต้น จะแสดงถึง กำไรที่ได้จากการขายสินค้าโดยตรง ที่ยังไม่ได้หักต้นทุนในการขายและการบริหารอื่นๆ คือ เป็นเพียงส่วนต่างของราคาซื้อและราคาขายเท่านั้น เช่น ร้านค้าแห่งหนึ่งซื้อสินค้ามา 50,000 บาท ขายสินค้าออกไปทั้งหมดแล้วได้เงิน 80,000 บาท นั่นแสดงว่าร้านค้านี้จะได้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 30,000 บาท ซึ่งแน่นอนว่าหากมีการค้าขายทำธุรกิจที่ดีนั้น กำไรขั้นต้นจะต้องเป็นบวก แต่หากกำไรขั้นต้นติดลบนั่นก็แสดงว่ามีการตั้งราคาสินค้าที่ไม่เหมาะสมหรือต้นทุนสินค้าอาจจะแพงจนเกินไป
อัตรากำไรขั้นต้น จะเป็นการนำ กำไรขั้นต้นมาหารด้วยยอดขาย เช่น ร้านค้าขายสินค้าได้กำไร 30,000 บาท โดยมียอดขายอยู่ที่ 80,000 บาท ดังนั้นร้านค้านี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ (30,000 x 100/80,000) = 37.5%
การใช้อัตรากำไรขั้นต้นในการวิเคราะห์การลงทุนกิจการจะดีกว่ากำไรขั้นต้น เพราะกำไรขั้นต้นจะมีค่ามากน้อยไปตามยอดขาย แต่อัตรากำไรขั้นต้นจะสามารถเปรียบเทียบได้ดีกว่า โดยไม่มีปัญหาเรื่องของยอดขาย
ความสำคัญของอัตรากำไรขั้นต้น
อัตรากำไรขั้นต้นเหมาะสมที่จะไปใช้กับการวิเคราะห์กิจการที่หลากหลายขนาด นักลงทุนจึงนิยมนำมาใช้รายได้จากการขายและบริการของแต่ละกิจการ เพื่อให้สามารถประเมินประสิทธิภาพในการดำเนินการได้ เรามาดูกันว่าอัตรากำไรขั้นต้นนี้สามารถช่วยเราในเรื่องใดบ้าง
- ช่วยบอกถึงความสามารถในการสร้างกำไร
การจัดหาสินค้าในราคาที่เหมาะสมแก่ตลาด ทำให้ในระยะยาวร้านค้าหรือกิจการสามารถขึ้นราคาสินค้าและบริการได้ตามต้นทุนที่สูงขึ้นในอนาคตได้ หากเข้าใจและสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ก็สามารถขายได้กำไรมากขึ้นในระยะยาว หากกิจการไม่สามารถควบคุมอัตรากำไรขั้นต้นได้ แสดงว่าจัดการกับราคาขายและราคาต้นทุนไม่ได้ กล่าวคือ เวลาที่ต้นทุนลดลง ราคาขายสูงขึ้น อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นด้วย แต่เวลาที่ต้นทุนเพิ่ม ราคาขายจะลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นก็ลดลงด้วย จะเห็นได้ว่ามีความผันผวนมากตามราคาขาย แสดงให้เห็นว่ากิจการนี้จะไม่สามารถสร้างกำไรที่เพิ่มขึ้นได้ในระยะยาว
- จูงใจนักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มมากขึ้น
การที่บอกว่าอัตรากำไรขั้นต้นดี จะเป็นการเชิญชวนคู่แข่งหน้าใหม่ให้เข้ามาแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด จะเกิดการจูงใจให้มีการทำสงครามราคาและเมื่อเกิดการแข่งขันด้านราคาสูงมากขึ้น ก็จะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือ Gross Profit Margin ตกต่ำลง ยกเว้นธุรกิจที่จำกัดการลงทุนอย่าง ธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมัน ที่เป็นทรัพยากรของประเทศ หากใครสนใจทำธุรกิจสายนี้จะต้องมีใบอนุญาต ซึ่งก็เป็นเรื่องยากที่จะเกิดคู่แข่ง
- ประเมินคุณภาพของกิจการได้ชัดเจนขึ้น
การรู้จักอัตรากำไรขั้นต้น จะช่วยในการวิเคราะห์ปัจจัยเชิงคุณภาพว่า สินค้าหรือบริการของเรามีความพิเศษหรือไม่ มีคุณภาพระดับไหน โดยนักลงทุนแต่ละวงการควรใช้ GPM หรืออัตราส่วนกำไรขั้นต้นในการเปรียบเทียบสินค้าและบริการของตัวเองกับอุตสาหกรรมเดียวกัน คือ เปรียบเทียบธุรกิจการท่องเที่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยกัน เปรียบเทียบธุรกิจโรงแรมกับธุรกิจโรงแรม เป็นต้น ด้วยเพราะธุระกิจแต่ละประเภทจะมีโครงสร้างรายได้หรือกำไรที่แตกต่างกัน
แต่ละธุรกิจควรมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่าไหร่
เจ้าของกิจการหรือนักธุรกิจควรที่จะเข้าใจธุรกิจที่กำลังทำอยู่ให้ชัดเจน และรู้จักอัตรากำไรขั้นต้นที่เหมาะสม โดยทั่วไปแล้วกิจการทั่วไปควรจะมีอัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM อยู่ที่ 10% ขึ้นไป ด้วยว่ากำไรขั้นต้นที่น้อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อการจ่ายค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารได้ นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้น ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นในแต่ละปีก็ได้ แต่ขอให้มีอัตราที่สม่ำเสมอในทุก ๆ ปี
สิ่งที่ต้องระวังในการใช้อัตรากำไรขั้นต้น
อัตรากำไรขั้นต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งในการประเมิณผลการดำเนินธุรกิจ ซึ่งแต่ละธุรกิจก็มีการลงทุนที่หลากหลายลักษณะ และมีรูปแบบการสร้างกำไรที่แตกต่างกันด้วย และการใช้อัตรากำไรขั้นต้น หรือ GPM ในการประเมินผลก็ควรใช้ให้ถูกต้องด้วย
- อัตรากำไรขั้นต้นไม่สามารถบอกได้ว่า เท่าไหร่คือสูง เพียงแต่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งอุตสาหกรรมเดียวกัน เพื่อที่จะได้รู้ว่าได้ว่าเป็นอัตราที่ดีหรือแย่กว่า
- อัตรากำไรขั้นต้นไม่สามารถบอกได้ว่าธุรกิจนั้นน่าลงทุนหรือไม่ สิ่งนี้ไม่ได้เป็นตัวกำหนดทั้งหมด แต่ต้องดูอัตราทางการเงินอื่น ๆ ด้วย เช่น Net Profit Margin, Operation Profit Margin เป็นต้น
- ต้องเข้าใจว่า อัตรากำไรขั้นต้นนี้ ไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายอย่างพวก ภาษี, การตลาด, บัญชี และอื่นๆ อีก
- ระวังในเรื่องของการนำอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจตัวเองไปเปรียบเทียบกับธุรกิจอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่แตกต่างออกไป
วิธีปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้น
หากตรวจสอบแล้วว่าธุรกิจของเรายังไปได้ไม่ดีนัก คือ เราเห็นว่าเกิดการผันผวนของอัตรากำไรขั้นต่ำเป็นอย่างมาก ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะเกิดจากการบริหารที่ผิดพลาดหรือความผิดปกติทางการบัญชี เราจะทำอย่างไรเพื่อเป็นการเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นของเราให้ดีหรือมีเปอร์เซนต์ที่สูงขึ้น
- เพิ่มราคา หลายคนได้ยินแล้วอาจจะไม่ชอบกลยุทธ์นี้สักเท่าไหร่ เพราะมันต้องแลกกับการสูญเสียลูกค้าบางส่วนไป แต่นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะสามารถทำให้เราปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้นได้ ให้ทำการตรวจสอบราคาทั้งหมดและประเมินอย่างละเอียด เพื่อทำการอัพเดทราคาสินค้าให้เท่าทันคู่แข่ง
- ป้องกันการโจรกรรม ตรวจสอบให้ถี่ถ้วนว่าสินค้าคงคลังของเราไม่ได้หายหรทอถูกขโมยไปไหน ไม่ว่าจะเป็นการขโมยจากลูกค้าหรือพนักงานต่างก็นับเป็นเงินทุนที่สูงเช่นกัน ให้คิดหาวิธีป้องกันการโจรกรรม ไม่ว่าจะระบบกันขโมยหรือกล้องวงจรให้ดี
- ใช้ระบบสินค้าคงคลังหรือ Inventory Systems เพื่อการปรับสมดุลให้เหมาะสม เราควรที่จะมีระบบสินค้าคงคลัง เพื่อควบคุมการขายสินค้าให้ดี ควรจัดการการควบคุมสินค้าคงคลังให้มีประสิทธิภาพ
- ดูแลจัดการใบเรียกเก็บเงินจากซัพพายเออร์ การเรียกเก็บเงินจากอุปกรณ์ที่สิ้นเปลืองมากเกินไป อาจส่งผลต่อการสร้างผลกำไรของเราได้ ควรแก้ไขและจัดการกับรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไปให้มากที่สุด
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากพบแหล่งที่ให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ ก็ให้เข้าไปปรึกษาเพื่อหาวิธีจัดการและวัดอัตรากำไรขั้นต้นที่ถูกต้องมากขึ้น หรือขอความช่วยเหลือในเรื่องของการบริหารงบประมาณให้มีความสมดุลและเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
นักลงทุนที่ดีควรใส่ใจในรายละเอียดของตัวเลขงบประมาณทางการเงินเสมอ และบริหารควบคุมสินค้าและการผลิต รวมถึงการตั้งราคาสินค้าให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดกำไรจากการทำธุรกิจที่ยั่งยืนและสามารถสร้างกำไรในระยะยาวต่อไปได้ การปรับปรุงอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ธุรกิจของเราสามารถเดินหน้าสร้างกำไรต่อไปได้เรื่อย ๆ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่เชิญชวนนักลงทุนให้เข้ามาร่วมลงทุนเพื่อขยายสาขาธุรกิจของเราออกไปให้มากขึ้นได้อีกด้วย
สรุปว่า
อัตรากำไรขั้นต้น คือ สิ่งที่ช่วยวัดความก้าวหน้าของธุรกิจเราได้ หากธุรกิจของเราไม่สามารถสร้างกำไรได้ เราจะต้องมาค้นหาคำตอบว่าเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง การรู้จักอัตรากำไรขั้นต้น ยังช่วยให้เราสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นจากการลงทุนได้ง่ายขึ้น และมองเห็นปัจจัยที่เราจำเป็นที่จะต้องแก้ไข และมองเห็นแนวโน้มในการดำเนินธุรกิจของเราว่าจะเป็นอย่างไรในอนาคตได้
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply