Nikkei 225 Index คืออะไร? วิธีการเทรด Nikkei 225 Index คืออะไร?



    1. Nikkei 225 Index คืออะไรและคำนวณอย่างไร?

    ดัชนีนิเคอิ225 (Nikkei 225 Index) คือดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่คำนวณมูลค่าหุ้นของ 225 บริษัท ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวภายในวันที่ 7 กันยายน 2493 หรือ 70 ปีที่แล้วในญี่ปุ่น "ตัวเลขดัชนี" เป็นสกุลเงินเยนของญี่ปุ่น (JPY) ซึ่งอยู่ภายใต้ The Nikkei Company

    ความสำคัญ

    ทุกครี่งที่มีนักลุงทุนจะพิจารณาสถาวะการลงทุนของตลาดหุ้นเอเชีย จะพิจารณาจากดัชนี Nikkei 225 นอกจากนั้นด้วยการที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้นใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก กองทุนระดับโลกต่างๆ ย่อมต้องการหาเครื่องมือในการวิเคราะห์ตลาดอย่างรวดเร็ว Nikke 225 จึงถูกสร้างให้คำนวณดัชนีที่สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้สมบูรณ์แบบที่สุด และสาเหตุที่ Nikkei 225 ได้รับความนิยมมากที่สุด ก็เพราะว่า The Nikkei Company มีความเข้าใจกับอุตสาหกรรมในประเทศญี่ปุ่นเป็นอย่างดี และดัชนีNikkei 225 ก็มีการแบ่งสัดส่วนที่ละเอียดมาก โดยให้น้ำหนักกับทุกอุตสาหกรรมทั้งหมด 40 อุตสาหกรรม โดยจะแยกตามความสำคัญจากมากไปน้อย



    วิธีการคำนวณ

    ราคาแพงแล้ว = ราคาแลกเปลี่ยน x 50 เยน / ราคา

    ค่าดัชนีของดัชนี = ราคาหุ้นแล้ว / ตัวหารของดัชนี




    ข้อดีและข้อเสีย

    Nikkei 225 มีความพิเสษที่ทำให้โดดเด่นจากดัชนีทั่วไปเช่น FTSE หรือ DAX และเป็นผู้นำในการกระจายความเสี่ยง ถ้าคิดว่าคุณจะลงทุนในระบบนี้หรือไม่โปรดคำนึงถึงประโยชน์ต่อไปนี้ :

    ข้อดี

    1. ความเรียบง่ายของการเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักราคา

    2. ง่ายต่อการติดตามสถานภาพโดยรวมของเศรษฐกิจ

    3. ชั่วโมงการซื้อขายที่ยาวนาน

    4. ความเสี่ยงน้อยกว่าดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวพิมพ์ใหญ่


    ข้อเสีย

    1. มีผลกระทบที่ต่อหุ้นบริษัทขนาดเล็ก

    2. Nikkei 225 เป็นผู้นำในการกระจายความเสี่ยง

    3. มันมีความผันผวนสูง


    2. ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อ Nikkei 225 Futures

    1. การเคลื่อนไหวของหุ้นส่วนประกอบ: Nikkei 225 คำนวณจากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้นที่เป็นส่วนประกอบดังนั้นการเคลื่อนไหวใด ๆ ในราคาของหุ้นหลักจึงมีผลต่อ Future Index

    2. ค่าเงินเยนของญี่ปุ่น: เศรษฐกิจญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกและเมื่อใดที่ค่าเงินเยนลดลงราคาหุ้นญี่ปุ่นก็สูงขึ้นและดัชนีก็เช่นกัน สิ่งที่ตรงกันข้ามเกิดขึ้นเมื่อเงินเยนสูงขึ้

    3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจ: เช่นเดียวกับดัชนีอื่น ๆ เหตุการณ์ใด ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อฉากหลังทางการเมือง / เศรษฐกิจสามารถกระทบดัชนีได้นอกจากนี้ในช่วงเวลาที่มีการเติบโตและการจ้างงานสูงการใช้จ่ายของผู้บริโภคอาจเพิ่มขึ้นทำให้หุ้นบางตัวลอยขึ้น

    4. ภัยธรรมชาติ: ภัยธรรมชาติอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อ Nikkei 225 ตัวอย่างเช่นแผ่นดินไหวและสึนามิในโทโฮกุเมื่อปี 2554 ทำให้ดัชนีลดลงมากกว่า 7%


    3. วิธีการลงทุนใน Nikkei 225


    ในการลงทุนจะต้องใช้กองทุนหรือตราสารอนุพันธ์ที่ใช้ Nikkei 225 Index เป็นดัชนีอ้างอิงเท่านั้น


    เช่นกองทุน

    1. SCBNK225

    2. ตราสารอนุพันธ์ Nikkei 225 Index Future

    3. Nikkei 225 Index Options

    4. Nikkei 225 CFD


    ประเด็นหลักของการลงทุนคือการซื้อต่ำขายสูง(Buy low, sell high method) และในการลงทุนเิริ่มแรก เราแนะนำให้มีเงินเริ่มต้นหรือเงินทุนที่น้อย ซึ่งมีวิธีหนึ่งที่เหมือสำหรับเงินทุนน้อยแต่ยังกำไรอยู่ นั่นคือ CFD หรือ Contract for Difference


    CFD (Contract for Difference)

    CFD หรือ สัญญาซื้อขายส่วนต่าง เป็นตราสารอนุพันธ์ที่เทรดเดอร์สามารถทำกำไรจากส่วนต่างของราคาที่เวลาเปิดและปิดสัญญาของราคาโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้อสินทรัพย์อ้างอิง (Underlying asset) อะไรทั้งนั้น วิธีการนี้จะได้ใช้ได้ก็ต่อเมื่อเทรดเดอร์นั้นมี Leverage หลังจากนั้นก็จ่ายเงินจำนวนหนึ่งและรอรับผลตอบแทนที่มีค่าเท่ากับซื้อขายสินค้านั้นแบบเต็มราคาแลกกับการจ่ายเงินแบบไม่เต็มจำนวนไป


    ในการเทรด CFD นั้นจะมี 2 ตำแหน่งหลักๆที่ให้เลือกคือขาขึ้นและขาลง ซึ่งนี่จะเป็นตัวบ่งบอกว่าขุนขาดทุนหรือไม่

    1. ถ้าคิดว่าราคาของ Underlying Asset มีแนวโน้มขาขึ้น คุณจะทำการเปิดสถานะซื้อซื้อ (Long Position)

    2. ถ้าคิดว่าราคาของ Underlying Asset มีแนวโน้มขาลง คุณจะทำการเปิดสถานะซื้อขาย (Short Position)

    และจะได้กำไรก็ต่อเมื่อมีสถานะที่คล้ายกับราคาของสินทรัพย์อ้างอิงที่เปิดตำแหน่งเท่านั้น และในทางกลับกันจะมีการขาดทุนก็ต่อเมื่อสองอย่างนี้ไปทางทิศตรงข้ามกัน


    ข้อดีและความเสี่ยงในการเทรด CFD

    ข้อดี

    1. ทำการเทรดได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

    2. การเทรดมีเลเวอเรจ

    3. ขนาดสัญญายืดหยุ่น

    4. เวลาซื้อขายยืดหยุ่น

    ข้อเสี่ยง

    1. ใช้เลเวอเรจสูงเกินไป

    2. อาจจะเจอโบรกเกอร์ที่หลอกหลวงได้ (โบรเกอร์ดีๆ จะมี ASIC, FCA, NFA เป็นต้น)



    4. วิธีการเทรด Nikkei 225 Futures

    Nikkei 225 futures เป็นสัญญาซื้อขายที่มีหน้าที่รับหรือส่งมอบมูลค่าที่ระบุของดัชนีอ้างอิงในอนาคตในราคาที่ตกลงกันไว้แล้ว


    เทรด Nikkei 225โดยใช้โปรแกรม Meta Trader 5 (MT5)

    เมื่อคุณดาวน์โหลดแพลตฟอร์ม MetaTrader 5 ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้ :

    1. เปิดหน้าต่าง Market Watch ซึ่งเป็นหน้าต่างที่แสดงสินค้าที่มีให้เทรดหรือกดปุ่ม Ctrl + M

    1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างตรงหน้าต่าง Market Watch และเลือก Symbols  หรือ Ctrl + U

    2. หน้าต่าง Symbols จะมีหมวดหมู่ของตราสารการเงิน เลือก “Cash Indices CFDs” สำหรับการเทรดดัชนี Nikkei 225 (JPP225)

    3. ให้ Double Click คำว่า JP225 ที่อยู่บน Market Watch


    วิธีเปิดคำสั่ง Buy-Sell นิเคอิ 225 ใน MT5

    ในการเทรด Nikkei หรือทั่วไปจะมีการเทรดผ่านตราสารมาตรฐานสากลที่เรียกว่า "CFD" นายหน้าที่มีบริการการเทรดค่าเงินจะมี Forex, Pepperstone, Admiral Markets และแม้กระทั่ง Nekkei จะให้บริการเทรดผ่าน CFD ทั้งหมด


    ขั้นตอนการเทรดใน MT5

    1. คลิกขวาบนพื้นที่ว่างกราฟราคา

    2. เลือก Trading เลือกคำสั่ง New Order (หรือจะกดปุ่มลัด F9 ตั้งแต่แรกเลยก็ได้)

    3. Marketwatch > JP225 เพื่อารเทรดที่มีภาพหุ้นเป็น Toyota

    1. ที่ช่องประเภทของคำสั่งซื้อขายจะมีประเภทที่ขึ้นว่า Pending Order (คำสั่งซื้อขายล่วงหน้า) แต่ถ้าอยากเทรดแบ Realtime ควรใช้คำสั่ง Market Execution.

    2. ช่อง Volume จะเห็นว่าให้ใส่ตัวเลข เช่น 0.1, 1 ซึ่งค่าที่เราใส่เข้าไปนั้นมีมูลค่าคิดเป็นเงินที่เยน (JPY)

    3. เมื่อตั้งค่า Stop Loss หรือ Take Profit ให้เลือก Sell by Market หรือ Buy by Market ตามทิศทางที่เราต้องการ


    ทำไมต้องเทรด Nikkei 225 Futures?

    1. มันมีความผันผวนสูง: ผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนรายใหญ่บางรายลงทุนในNikkei 225 Futuresเพื่อเข้าถึงตลาดญี่ปุ่นและกระจายพอร์ตหุ้นของตัวเอง

    2. การเก็งกำไร: ผู้ค้าส่วนใหญ่ในตลาดล่วงหน้ามีเหตุผลในการเก็งกำไรและNikkei 225 Futures มีประเภทของสภาพคล่องและความผันผวนที่นักเก็งกำไรต้องการ

    3. Hedging: นักลงทุนสถาบันและผู้จัดการกองทุนเล่นตลาดNikkei 225 Futures เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากตลาดหุ้น

    5. ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีชื่อเรียกว่าอะไร?

    Tokyo Stock Exchange (TSE) หรือตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเป็นตลาดหุ้นหลักของญี่ปุ่นตั้งอยู่ในโตเกียวและเป็นหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2492 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเปิดให้มีการซื้อขายได้ทั้งหมด 4 ส่วน ดังนี้


    1. ส่วนกระดานที่หนึ่ง (First Section) สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ประสบความสำเร็จมาก และ Blue chips

    2.       ส่วนกระดานที่สอง (Second Section) สำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทขนาดเล็กหรือบริษัทกำลังเติบโต

    3.       ส่วนกระดานต่างประเทศ (Foreign Section)

    4.       ส่วนกระดานแม่ (Mothers Section) เป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทที่ดำเนินงานเกี่ยวกับ เทคโนโลยีและนวัตกรรม


    บทบาทและหน้าที่ที่สำคัญของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว มีดังนี้


    1.       เป็นแหล่งระดมเงินทุนที่สำคัญของประเทศญี่ปุ่น

    2.       เป็นตัวกรุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเงินทุนระหว่างนักลงทุน

    3.       มีความโปร่งใสและไร้การโกงต่อนักลงทุนและผู้ออกหลักทรัพย์

    4.       มีการกำหนดนโยบายที่ดีและราคาที่ถูกต้องและสมเหตุสมผล

    5.       เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงด้านการลงทุนกับตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ทั่วโลก


    Comments

    • December 7, 8.00
      D. jhon shikon milon

      Is this article helpful to you?

      LikeReply