เริ่มการอ่านกราฟ แท่งเทียน พื้นฐาน???
การเทรดหุ้น อนุพันธ์ ฟอเร็กซ์ หรือการลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ เราจะยึดถือนโยบายว่า “ซื้อถูก ขายแพง” เสมอ เพื่อสร้างผลกำไรจากกิจกรรมนั้น ๆ ในตลาดการค้าสินทรัพย์ มีผู้เล่นมากมาย ที่ตัดสินใจซื้อหรือขายด้วยการประเมินสถานการณ์แนวโน้มของตาดที่เป็นผลกระทบจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ สังคม การเมืองที่เป็นแหล่งของสินทรัพย์นั้น ๆ
เดย์เทรดเดอร์ (Day-Trader) หมายถึง นักเทรดที่มุ่งเน้นการซื้อและขายออกในหน่วยสั้น ๆ เพียงหนึ่งวัน ซึ่งการจะเป็นเดยเทรดเดอร์ที่ทำกำไรได้มาก ขาดทุนน้อยนั้น มักจะเป็นผู้เล่นที่มีความชำนาญในตลาดระดับหนึ่ง สามารถคาดการการเปลี่ยนแปลงของราคาได้ ซึ่งเครื่องมือที่พวกเขาใช้นั้นก็คือ “กราฟแท่งเทียน” (Candlestick Chart) ที่บอกถึงสภาวะทั้งหมดของตลาดในตัวมันเอง
เริ่มการอ่านกราฟ แท่งเทียน พื้นฐาน
กราฟที่มักใช้บอกข้อมูลของการเทรดมี 2 แบบด้วยกันคือกราฟแท่ง และกราฟแท่งเทียน กราฟแท่งนั้น บอกเราเพียงว่าที่ผ่านมา ราคาของหุ้นหรือสินทรัพย์ชนิดนี้มากน้อยเพียงใดในช่วงเวลาเท่าไร แต่เราจะไม่ทราบเลยว่า การเปลี่ยนแปลงในแต่ละวันนั้นมีทิศทางหรือความรุนแรงแบบใดบ้าง ซึ่งปัญหาเหล่าจะหมดไปด้วยการอ่านข้อมูลจากกราแท่งเทียน
กราฟแท่งเทียน หรือ Candlestick Chart ถูกคิดค้นขึ้นโดยชาวญี่ปุ่นเมื่อหลายร้อยปีก่อน ในเวลานั้น “ข้าว” เป็นสินค้าที่เป็นที่นิยม ผู้คนให้ความสนใจกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนข้าวในตลาดเสมือนการซื้อขายหุ้นในยุคปัจจุบัน
จากตัวอย่างของกราฟแท่งเทียนนี้ แสดงข้อมูลการเปลี่ยนแปลงราคาของสินทรัพย์หนึ่งในตลาดของไทยในหนึ่งวัน แท่งเทียนหนึ่งแท่ง แสดงมูลค่าของหนึ่งวัน ที่มุมบนขวามือแท่งเทียนสีแดงในวงกลมสีเขียว หมายความว่ามีราคาปิดที่สูงกว่าราคาเปิด (ศึกษาความหมายของสีของแท่งเทียน ที่หัวข้อ “6 ทิปในการอ่านกราฟแท่งเทียน” ด้านล่าง) ปิดอยู่ที่ 940.17 บาท โดยมีราคาเปิดตลาดที่ 931.47 บาท เป็นต้น
ต่อไปนี้คือลักษณะทั่วไปของกราฟแท่งเทียน บนแท่งเทียนหนึ่งแท่ง จะมีส่วนที่อ้วนกว่าและผอมกว่า ส่วนที่อ้วน เสมือนตัวเทียน (Real Body) ส่วนที่ผอมด้านบนและล่างหรือด้านใดด้านหนึ่งคือไส้เทียน (Upper, Lower Shadow) ความยาวของส่วนที่อ้วนหรือตัวแท่งเทียนบอกเราว่าในวันหนึ่ง ๆ ราคาเปิดและราคาปิดอยู่ที่เท่าไร หรืออีกนัยะหนึ่งคือราคาสเปรด (Spread Price) เป็นเท่าไร ส่วนความยาวของส่วนที่ผอมหรือไส้เทียนนั้น จะบอกว่าในรอบวันนั้น ๆ ราคาสูงสุดและต่ำสุดเป็นเท่าไร
สามารถอธิบายได้ดังนี้ แท่งเทียนด้านซ้ายมือมีสีเขียวหรือขาว เป็นสัญลักษณ์ของกระทิง (Bullish) ที่ซึ่งมีความดุดัน ขึงขัง ห้าวหาญ เป็นตัวแทนของตลาดที่มีความร้อนแรง ดังนั้น จึงใช้แทนสภาวะของตลาดที่มีราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิด หรืออีกนัยะหนึ่งก็คือ แรงซื้อ (ช่วงปิดตลาด) มากกว่าแรงขาย (ช่วงเปิดตลาด)
แท่งเทียนด้านขวามือมีสีแดงหรือดำ เป็นสัญลักษณ์ของหมี (Bear) ที่ซึ่งมีความเชื่องช้า ละมุนละม่อมมากว่ากระทิง เป็นตัวแทนของความราบเรียบ ไม่ตื่นเต้น ธรรมดา ๆ ดังนั้น จึงใช้แทนสภาวะของตลาดที่ไม่ค่อยคึกคักสักเท่าไร มีราคาเปิดสูงกว่าราคาปิด หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ แรงซื้อ (ช่วงปิดตลาด) ซบเซาไม่เท่ากับแรงขาย (ช่วงเปิดตลาด)
ทำไมถึงต้องดูกราฟแท่งเทียน
ดังที่กล่าวไปตอนต้นว่า ด้วยลักษณะของแท่งเทียนสามารถบอกได้ถึงสภาะทั้งหมดของตลาด ตั้งแต่ ราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงสุด และราคาต่ำสุด และยังบอกได้อีกว่าสภาวะของตลาดนั้นเป็นไปในทิศทางที่รุนแรงหรือราบเรียบ
ในการเทรดเพื่อให้ได้ซึ่งผลกำไรดังคาดหวัง เราจะพิจารณาจากปัจจัยแวดล้อมต่าง ๆ ประกอบ เช่น แนวโน้มของสภาพสังคมและบ้านเมืองที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์นั้น ๆ หรือทิศทางความเชื่อมั่นด้านนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะกระทบต่ออุตสาหกรรมนั้น ๆ และบริษัทนั้น ๆ
เมื่อพอจะทราบว่า ความรู้สึกของผู้คนส่งผลอย่างไรต่อราคาของสินทรัพย์นั้น ๆ นักเทรดจะประมาณการณ์ได้สะดวกขึ้นว่า ณ เวลานี้ หรือเวลาที่ต้องการในอนาคต ควรจะขายออกหรือถือต่อไปอีกสักระยะดี
6 ทิปในการอ่านกราฟแท่งเทียน
สมมติว่า ต้องการทราบราคาของสินทรัพย์นี้มีความเปลี่ยนแปลงแบบใดบ้างในช่วงที่ผ่านมา เช่น ในรอบ 1 สัปดาห์ เราจะไปดูที่ “สี” “ความยาวของตัวเทียน” “ความยาวของไส้เทียน” “รูปแบบของแท่งเทียนแต่ละแท่ง” และ “แพทเทิร์นของคู่แท่งเทียนสองสี”
อย่างไรก็ตาม ในบทความนี้จะขอแนะนำให้ผู้เริ่มต้นได้ทราบถึงความหมายและความสำคัยของกราฟแท่งเทียนก่อน จึงจะนำเสนอเฉพาะ 4 ปัจจัยแรก เพื่อให้มองเห็นภาพกว้าง ๆ ก่อนที่จะไปศึกษาถึงแพทเทิร์นและคู่ของแท่งเทียน ซึ่งจะเป็นอีกขั้นตอนของการวิเคราะห์ขั้นสูงต่อไป
ในขั้นสูง จะเป็นการมองภาพของแท่งเทียนมากกว่าหนึ่งแท่งขึ้นไปที่อยู่แวดล้อมแท่งเทียนในช่วงเวลานั้น ๆ ว่ามีการเปลี่ยนแปลงแบบใด ซึ่งรูปทรงของราคาที่แสดงออกมาเป็นแท่งเทียนและประกอบกันขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ เราจะเรียกว่า “แพทเทิร์น” การทำความเข้าใจความหมายของแพทเทิร์น จะช่วยบอกเราได้ว่า ณ ช่วงเวลาหนึ่งนั้นมีควาามเปลี่ยนแปลงเช่นไร
โดยทั่วไป ราคาของสินทรัพย์ที่ถูกนำมาแสดงเป็นกราฟแท่งเทียนนั้นจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามราคาเสนอขาย (Ask Price) และกิจกรรมของนักเทรดที่ส่งผลออกมาเป็นราคาเสนอซื้อ (Bid Price) หรือหากเป็นช่วงตลาดปิด (ยกเว้นการเทรดฟอเร็กซ์ ที่เทรดได้ 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน) มักจะแสดงราคาสุดท้ายของวันทำการก่อนปิดตลาด
เราจะทราบอะไรจากสีบ้าง สีเขียวหรือแดง หรือสีขาวหรือดำ จะแทนอารมณ์ที่รุนแรงหรือราบเรียบของตลาดในช่วงเวลานั้น ๆ เราจะmik[ได้ว่า ผู้เล่นส่วนใหญ่ในตลาดมีความรู้สึกต่อสินทรัพย์นั้น ๆ แบบใด และพออนุมานได้ต่อไปอีกว่า สินทรัพย์ชนิดนี้ มักจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยแบบใด
เราจะทราบอะไรจากความยาวของตัวเทียนบ้าง ความยาวที่เราเห็นนั้น ด้านบนจะบอกว่าราคาเปิดและปิดของช่วงเวลานั้น ๆ เป็นอย่างไร หากเป็นแท่งเทียนสีแดงหรือสีดำ (ที่แทนความหมายเดียวกัน) ด้านบนจนแทนราคาเปิดตลาด ส่วนด้านล่างจะเป็นราคาปิดตลาด ในทางกลับกัน หากเป็นแท่งเทียนสีเขียวหรือขาว (ที่แทนความหมายเดียวกัน) ดังภาพตัวอย่างนี้

เราจะทราบอะไรจากความยาวของไส้เทียน (Shadow, Wick) บ้าง จากรูปภาพด้านบน สมมติว่า เรากำลังมองดูแท่งเทียนสีขาว (หรือสีเขียวในความหมายเดียวกัน) อยู่ พบว่าแสดงมูลค่าที่ 10 – 15 บาท นั่นหมายความว่าเมื่อถึงสิ้นสุดเวลาทำการของตลาด มีราคาสูงสุดและต่ำสุดในช่วงราคานั้น ในขณะที่ความยาวของไส้เทียน จะช่วยบอกเราได้ว่าในระหว่างเวลาทำการของตลาด มีราคาสูงสุดและต่ำสุดไปถึงเท่าไรบ้าง จากตัวอย่างข้างต้น หากไส้เทียนของแท่งเทียนสีขาวหรือเขียวนั้นมีความยาวที่ 20 – 10 บาท นั่นหมายความว่าในช่วงเวลาทำการของตลาด ที่เปิดด้วยราคา 10 บาทนั้น สามารถมีมูลค่าไปได้ถึง 20 บาท แต่เมื่อถึงสิ้นวันทำการ มีมูลค่าที่ 15 บาท
สรุปได้ว่า ความยาวของไส้เทียนจะบอกทิศทางการเปลี่ยนแปลงของราคา ณ ช่วงเวลาดังกล่าว
ที่สีของแท่งเทียนนี้ หากเห็นเป็นสีแดง (หรือดำ) นั่นหมายความว่าราคาปิดตลาดมีมูลค่าต่ำกว่าราคาเปิดตลาด ในทางกลับกันหากเห็นเป็นสีเขียว (หรือขาว) หมายความว่าราคาปิดตลาดมีมูลค่าสูงกว่าราคาเปิดตลาด
หากเป็น “กลุ่มของแท่งเทียน” มันจะช่วยบอกเราว่าในช่วงระยะเวลานั้น ๆ มีทิศทางอย่างไร ในขณะที่ถ้าเป็น “แท่งเดี่ยว” จะช่วยบอกเราว่า ณ วันนั้น ๆ (หรือหน่วยอื่น ๆ เช่น นาที ชั่วโมง) ราคาเปิดและปิดเป็นเช่นไร
สรุปเรื่องการอ่านกราฟแท่งเทียน
อันดับแรกต้องเข้าใจความหมายของสี ความหมายของราคาเปิดและปิดตลาดของแท่งเทียนแต่ละสีก่อน เพื่อให้ทราบแนวโน้มและความรุนแรงของตลาด จากนั้น จึงค่อย ๆ เรียนรู้แพทเทิร์นของมันต่อไป
โปรดระลึกเสมอว่า ไม่มีการลงทุนใด ๆ ที่จะได้มาซึ่งผลกำไรโดยปราศจากความเสี่ยง การอ่านกราฟแท่งเทียน เป้นเพียงเทคนิกที่จะช่วยให้ผู้เทรด โดยเฉพาะเดย์เทรด (Day-Trade) ประเมินสถานการณ์ตลาดได้ และตัดสินใจได้เหมาะสมมากที่สุด
Comments
D. jhon shikon milon
Is this article helpful to you?
LikeReply